นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 บริษัทมีรายได้ 10,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.3% จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า ABPR 3, ABPR 4 และ ABPR 5 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยองในปี 61 รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรในเดือน ธ.ค.61 รวมถึงการรับรู้ผลการดำเนินงานของโกลว์ เอสพีพี 1 หลังการควบรวมกิจการในเดือน มี.ค.62
ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานจากงบการเงินรวม (ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้รายได้หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานปกติ) อยู่ที่ 687 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 443 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตรา 101% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องมาจากการรวมผลกำไรจากการควบรวมกิจการ โกลว์ เอสพีพี 1 ประกอบกับค่าใช้จ่ายผ่านพ้นช่วงที่สูงตามฤดูกาลในไตรมาส 4 และการได้รับปัจจัยหนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการชำระคืนเงินกู้ อีกทั้งการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
แม้ในช่วงต้นปี 62 ราคาค่าก๊าซจะมีการปรับตัวขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 61 แต่มีแนวโน้มลดลงแล้วในเดือน มี.ค.62 นอกจากนี้ในส่วนของกำหนดการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการซ่อมบำรุงในแต่ละไตรมาสน้อยกว่าไตรมาส 1/62
ณ สิ้นไตรมาส 1/62 บริษัทมีกำลังผลิตรวมจากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ทั้งสิ้น 2,200 เมกะวัตต์ โดยโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมีความคืบหน้าตามแผนสู่กำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ DTE1&2 (โครงการ Xuan Cau) กำลังการผลิตติดตั้ง 420 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Phu Yen TTP (โครงการ Phu Yen) กำลังการผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ภายในเดือน มิ.ย.นี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam Che กำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ภายในไตรมาส 2/62 และโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม Interchem กำลังการผลิตติดตั้ง 4.8 เมกะวัตต์ ภายในเดือน ธ.ค.62 รวมแล้วทำให้กำลังการผลิตในปี 62 เติบโตในอัตรา 40% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมี โครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้อีกหลายโครงการในประเทศไทย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และ สาธารณรัฐเกาหลี
ขณะที่ความเคลื่อนไหวในช่วงไตรมาส 1/62 หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ (PDP 2018) เมื่อวันที่ 30 เม.ย.62 โดยให้โครงการโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนแบบ เอสพีพี ที่จะหมดอายุสัญญาในระหว่างปี 60-68 สามารถสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี โดยโรงไฟฟ้าที่จะหมดอายุสัญญาภายในปี 64 ได้รับการอนุมัติให้ต่ออายุรับซื้อไฟฟ้าออกไปอีกไม่เกิน 3 ปี ระหว่างที่โรงไฟฟ้าใหม่กำลังก่อสร้างนั้น
บริษัทมีโรงไฟฟ้ำพลังงานความร้อนร่วมที่เข้าเกณฑ์และสามารถสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมจำนวน 5 โรง ซึ่งโรงไฟฟ้าเหล่านี้จะหมดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ระหว่างปี 62-65 บริษัทมีแผนสร้าง 5 โรงไฟฟ้าใหม่ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถให้บริการด้วยคุณภาพที่สูงแก่ลูกค้าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย B.Grimm Power Korea Limited เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในสาธารณรัฐเกาหลีในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว ในเดือน เม.ย.62 ได้มีการจัดประชุมความร่วมมือระหว่าง บริษัท และ Korea Electric Power Corporation (KEPCO) ณ กรุงโซลสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อผนึกความสัมพันธ์และเตรียมพร้อมสำหรับการนำระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) และ พื้นที่เขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และมีการประชุมกับบริษัท Korea Midland Power Co., Ltd (KOMIPO) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโครงการพลังงานทดแทนในอนาคตในสาธารณรัฐเกาหลีด้วย