นางชนมาศ ศาสนนันทน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) กล่าวว่า บริษัทคาดดีลการเข้าซื้อกิจการบริษัท Murphy Oil Corporation ในมาเลเซียจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.นี้ ก็จะทำให้สามารถรับรู้ปริมาณการขายเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/62 จำนวน 2 แหล่ง จากทั้งหมด 5 แหล่ง หรือคิดเป็นปริมาณการขายเพิ่มขึ้นปีละ 48,000 บาร์เรล/วัน และคาดว่าจะรับรู้ปริมาณการขายครบทั้งหมด 5 แหล่งได้ในปี 64-65 หรือคิดเป็นปริมาณการขายที่ 50,000-60,000 บาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณการขายในปีนี้อีกกว่า 20,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะเป็นการรับรู้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังไม่ปรับเป้าหมายปริมาณขายอย่างเป็นทางการเพราะต้องรอให้จบดีลก่อน ทำให้ยังคงเป้าหมายปริมาณการขายในปีนี้ไว้ที่ระดับเดิม 321,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจะเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี นับตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 73 หรือคิดเป็นปริมาณการขายกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน จากการรับรู้โครงการใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา และคาดจะมีปริมาณสำรองเพิ่มเป็น 7 ปี จากเดิม 5 ปี จากการได้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ในโครงการบงกชและเอราวัณ, การเข้าซื้อกิจการ Murphy, แหล่งแอลจีเรีย และการลงทุนในโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน เป็นต้น
สำหรับไตรมาส 2/62 บริษัทคาดว่าจะมีปริมาณการขายปิโตรเลียมจะอยู่ที่ 330,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจาก 319,230 บาร์เรล/วันในไตรมาส 1/62 หลังกลับมาเปิดดำเนินการแหล่งบงกชใต้และแหล่งอาทิตย์ ขณะที่คาดราคาก๊าซธรรมชาติในไตรมาส 2/62 และทั้งปี 62 จะอยู่ที่ 6.9 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู และคาดการณ์ต้นทุนต่อหน่วยในไตรมาส 2/62 ที่ประมาณ 32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และทั้งปี 62 ที่ 31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยวางเป้าหมายอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ของปี 62 ที่ 70-75% ของรายได้จากการขาย
พร้อมกันนี้ บริษัทยังเตรียมบันทึกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ในไตรมาส 2 นี้ จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อคิดเป็นค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งปีคาดปีนี้จะบันทึกอยู่ที่ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ