นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 61/62 (ก.ค.61-มี.ค.62) มีกำไรสุทธิ 422.4 ล้านบาท ลดลงจากระดับกำไรสุทธิ 504.99 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบริโภคภายในประเทศที่หดตัว ระดับหนี้สินครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่อยู่ในระดับสูงและดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าและสินค้าไลฟ์สไตล์แข่งขันในด้านราคามากขึ้นกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจนเกิดผลกระทบกับผลการดำเนินงานของผู้เล่นหลายรายในอุตสาหกรรม
กอรปกับในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทอยู่ในช่วงการปรับแผนการกระจายสินค้าผ่านช่องทางการขายส่งเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในระยะยาว จึงทำให้ยอดขายได้รับผลกระทบเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตามหากสภาวะการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจฟื้นตัวตามนโยบายของรัฐบาล และบริษัทเริ่มดำเนินงานตามแผนการกระจายสินค้าใหม่ตามกำหนดการในเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้ ผลการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกปี 61/62 มียอดขายรวม 2,894 ล้านบาท และประจำไตรมาส 3 (ม.ค.-มี.ค.62) มียอดขายรวม 980 ล้านบาท ลดลง 11.3% และ 16.8% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นงวด 9 เดือน ที่ 57.9% และประจำไตรมาส 3 ที่ 57.9% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงวด 9 เดือน รวม 1,243 ล้านบาทและประจำไตรมาส 3 รวม 443 ล้านบาท ลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนอยู่ที่ 422 ล้านบาทและไตรมาส 3 อยู่ที่ 139 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 14.4% และ 13.9% ตามลำดับ
"ผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงสะท้อนถึงความท้าทายในช่วงที่เศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในประเทศได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทอยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างการขายสินค้าสำหรับช่องทางร้านค้าของตนเองและช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อการนำเสนอสินค้าให้ตรงกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้นตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคส่งผลให้ยอดขายชะลอตัวลงเป็นการชั่วคราวในช่วงที่ผ่านมาจากสองช่องทางดังกล่าว โดยช่องทางขายผ่านห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นที่มีการปรับปรุงไปเมื่อปีที่ผ่านมาแล้วนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา"นางสาวสุณี กล่าว
นางสาวสุณี กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงลงทุนในโครงสร้างธุรกิจตามแผนที่วางไว้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้รากฐานขององค์กรและบริหารเงินทุนหมุนเวียนอย่างระมัดระวังจนทำให้กระแสเงินสดดีขึ้น มียอดเงินสดคงเหลือรวมประมาณ 1,200 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา 200 ล้านบาท จากการลดสินค้าคงคลังเพื่อเตรียมปรับรูปลักษณ์สินค้าทันทีเมื่อการจับจ่ายกลับสู่ภาวะปกติ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้จากช่องทางที่สำคัญทางกลยุทธ์ที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้ารวมถึงรายได้จากช่องทาง mcmc outlets , mcshop.com, Lazada, Shopee, JD, Looksi, Buzzbees และล่าสุด Zilingo, Shop@24 รวมทั้ง K+ Market ที่ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา