นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) เปิดเผยว่า การดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/62 จะเริ่มเห็นพัฒนาการที่สำคัญของบริษัทจากการเริ่มทยอยเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวมประมาณ 236.72 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งในปลายเดือนมิถุนายนนี้ จะเริ่ม COD ประมาณ 200 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ จะเริ่ม COD เฟสแรกในไตรมาส 3/62
"มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และคาดว่ายอด COD โรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศของบริษัทจะอยู่ที่ 1,000 เมกะวัตต์ ตามแผนงานที่วางไว้ ผลักดันรายได้ และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัท"นายจอมทรัพย์ กล่าว
นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนในอาเซียน ตามแผนงานที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตร และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศมาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ขณะที่การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (Super Energy Power Plant Infrastructure Fund :SUPEREIF ) มูลค่าประมาณ 8,300 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการจัดตั้งได้ตามแผน
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 บริษัทรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ของหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 กำลังการผลิตจำนวนรวม 28 เมกะวัตต์ ที่เริ่ม COD ช่วงปลายปีก่อน และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะอุตสาหกรรม จ.สระแก้ว ของบริษัท กรีน พาวเวอร์ เอ็นเนอร์จี จำกัดเข้ามาสนับสนุน โดยปัจจุบัน SUPER มีสัญญาซื้อขายไฟทั้งหมดกว่า 777.6 เมกะวัตต์
อนึ่ง ในไตรมาส 1/62 SUPER มีกำไรสุทธิ 395.54 ล้านบาท ลดลงจากระดับกำไรสุทธิ 412.31 ล้านบาทในไตรมาส 1/61