นายวิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) (MGT) กล่าวว่า บริษัทคาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/62 น่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 เนื่องจากเป็นช่วงของโลซีซั่นของธุรกิจ ที่ในช่วงนี้จะมีวันหยุดค่อนข้างมาก ประกอบกับเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดีด้วย แต่น่าจะเติบโตดีกว่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มยอดขาย โดยการขายสินค้าให้กับลูกค้ารายเดิมมากขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทฯ ก็ได้มีการจับมือกับบริษัท PRIME INDEX CO.,LTD เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมา โดย MGT ถือหุ้นในสัดส่วน 20% ในการดำเนินธุรกิจจำหน่ายกระดาษ และแพคเกจจิ้ง ให้กับผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ในประเทศเมียนมา ซึ่งจะนำเข้ากระดาษจาก SCG เข้าไปจำหน่าย คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้ในไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าจะมีรายได้ในปีนี้ที่ 21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 6-10% ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็เตรียมขยายสำนักงานสาขาไปยังประเทศกัมพูชา คาดเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 4/62 และอยู่ระหว่างมองการขยายไปในประเทศลาวต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทย่อย บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด (บริษัทถือหุ้นอยู่ที่ 80%) ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขออนุญาตจากกรมสรรพสามิต เพื่อนำเข้าเอทานอลที่ไม่แปลงสภาพ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการ ซึ่งมีขนาดตลาดที่ใหญ่ คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในเร็วๆนี้ และน่าจะสร้างรายได้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ขณะที่บริษัทก็เตรียมเดินทางไปเจรจากับพันธมิตรประเทศจีน เพื่อชวนมาร่วมลงทุนในประเทศไทย ในการดำเนินธุรกิจผลิตเคมีภัณฑ์ด้านโค้ทติ้ง เพื่อส่งออกไปขายในประเทศจีนประมาณ 80% หลังจากที่รัฐบาลจีนมีการควบคุมสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมขยายต่อไม่ได้ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นบริษัทฯ จะถือหุ้นมากกว่า 51%
"เรายังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 950 ล้านบาทตามเดิม ซึ่งยอดรับว่าการทำธุรกิจในช่วงนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี แต่บริษัทฯ ก็มีการปรับกลยุทธ์ โดยการนำเข้าสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขยายสาขาไปในประเทศกัมพูชา ลาวเพิ่มเติมอีก"