นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยน่าจะยังอ่อนตัว แต่ระหว่างวันมีโอกาสจะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ตามแนวรับ หลังตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวเมื่อคืนนี้ จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยี และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ทวีตข้อความระบุว่า สหรัฐกำลังอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการทำข้อตกลงกับจีน พร้อมแนะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สหรัฐเป็นฝ่ายชนะในการทำสงครามการค้ากับจีน โดยกรณีดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวคละกันมีทั้งบวกและลบ ซึ่งภาพรวมยังคงมีเงินไหลออกจากตลาด
อย่างไรก็ตามปัจจัยภายในประเทศยังมีภาพเป็นกลาง และไม่ได้เป็นลบมากนัก ทั้งในส่วนของความคืบหน้าทางการเมืองที่มีพ.ร.ฎ.เรียกประชุมรัฐสภาตั้งแต่ 22 พ.ค.เป็นต้นไป หลังจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรี รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่บางบริษัทออกมาดีกว่าคาด บางบริษัทออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะเป็นโอกาสในการปรับพอร์ตการลงทุน รวมถึงการที่ MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย แม้ตลาดจะรับรู้บางแล้ว แต่ก็ยังเป็นปัจจัยช่วยประคองตลาดได้
พร้อมให้แนวรับที่ 1,629 และ 1,623 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,642 และ 1,650 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,532.05 จุด พุ่งขึ้น 207.06 จุด (+0.82%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,834.41 จุด เพิ่มขึ้น 22.54 จุด (+0.80%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,734.49 จุด เพิ่มขึ้น 87.47 จุด (+1.14%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 45.62 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 19.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 49.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.08 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.24 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 พ.ค.62) 1,633.84 จุด ลดลง 6.29 จุด (-0.38%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,671.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 พ.ค.62) ปิดที่ 61.78 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 พ.ค.62) ที่ 2.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.54 แนวโน้มผันผวน กังวลเศรษฐกิจอิตาลี-จับตาเจรจาการค้า มองกรอบวันนี้ 31.45-31.60
- รฟท.เตรียมเปิดประมูลงานพื้นที่เชิงพาณิชย์บางซื่อ เชื่อเงินสะพัดในสถานีเติบโตทะลุ 600% ผู้โดยสารล้น 4 แสนคน/วัน ภายใน 20 ปี เผยชื่อ 4 บิ๊กทุนชิงเค้กพื้นที่แปลงเอ 1 หมื่นล้านบาท รฟท.ไฟเขียวเปิดช่องใช้ 'ซีพี' แก้สัญญารถไฟไฮสปีดอีอีซีได้
- มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ ประเมินธุรกิจทีวีดิจิทัลยังไม่ฟื้น แม้มี 7 ช่องที่คืนใบอนุญาต ชี้เม็ดเงินโฆษณาเฉลี่ย 50,000 ล้านต่อปีเท่านั้น ประเมินภายใน 5 ปี อาจจะมีช่องล้มอีก ย้ำ 7 ช่องที่หายไป มีปริมาณคนดูไม่ถึง 10%
- "ประยุทธ์" สั่ง ครม.รับมือการค้าโลกป่วน กำชับติดตามสถานการณ์ ใกล้ชิด "พาณิชย์" ประเมินส่อกระทบส่งออกไทย 2 แสนล้านบาท ห่วงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์กระทบหนัก ด้าน "แบงก์ชาติ" ชี้บรรยากาศการค้า-การลงทุน ยังมีความ ไม่แน่นอนสูง ขณะ เงินบาท แข็งค่าสุดรอบ 10 เดือน จากเงินไหลเข้าตลาดบอนด์
- กสทช.เผยร่างประกาศเรื่องการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการ 5 จี เสร็จเรียบร้อย และได้นำขึ้นรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ กสทช.เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2562 และจะเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เพื่อนำไปสู่การจัดสรรคลื่นให้กับผู้ประกอบการโทรคมนาคมทั้ง 3 ราย ในวันที่ 19 มิ.ย.2562
- ครม.เห็นชอบสกพอ. ลงนามเอ็มโอยูจีน-ญี่ปุ่นปล่อยกู้ไฮสปีด มิ.ย.นี้ หนุนเอกชน 2 ชาติ เพิ่มลงทุนอีอีซี รฟท.เผยเล็งตั้งคณะกรรมการบริหาร รถไฟเร็วสูง คุมสัญญา 50 ปี ให้อำนาจเสนอแก้สัญญา ด้านปตท.ตั้ง 2 เงื่อนไขร่วมลงทุน ไฮสปีด ชงบอร์ดเคาะปลายปีนี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- AP (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 9.40 บาท หลังรายงานกำไรสุทธิ 1Q62 ที่ 1.08 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 12.6% QoQ และ 33.4% YoY และสูงกว่าที่คาดการณ์ 15% ที่ 932 ล้านบาท โดยกำไรส่วนแบ่งจากการร่วมทุนอยู่ที่ 293 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดเนื่องจากไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าคาด ส่งแนวโน้มกำไร 2Q62-3Q62 คาดอ่อนตัวจากการเปิดตัวโครงการภายใต้การร่วมทุนเพิ่มไตรมาสละ 1 โครงการ ส่งผลให้จะมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึ้น ในขณะที่จะไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่ จึงจะเป็นการกดดันกำไร แต่คาด 4Q62 จะโดดเด่นที่สุดของปี จากการโอนโครงการใหม่ 2 โครงการภายใต้การร่วมทุน โดยการลงทุนใน AP ยังถือว่าปลอดภัยเมื่อเทียบกับกลุ่ม เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าแนวราบอยู่มาก ประกอบกับโครงการที่เปิดขายสามารถทำยอดขายได้ดีต่อเนื่อง ยังคงเลือก AP เป็น Top Pick ของกลุ่ม
- COM7 (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ" ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 22 บาท หลังจากที่ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 62-63 ขึ้น โดยมุมมองเชิงบวกต่อ COM7 อิงจากคาดการณ์ว่ากำไรจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 13% ในปี 62-64 และมูลค่าการซื้อขายปัจจุบันที่ไม่แพงในระดับ PER ปี 62 ที่ 21.5 เท่า นอกจากนี้เล็งเห็นถึงปัจจัยบวกระยะสั้นต่อราคาหุ้นจากกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/62
- ICHI (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ" ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 4.6 บาท จาก 4.2 บาท หลังกำไร 1Q62 ดีกว่าคาดมาก ทำได้ 114 ล้านบาท +470% Q-Q, +246% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นดีกว่าคาด เพราะหันมาเน้นสินค้า premium และรับจ้างผลิตมากขึ้นทำให้ใช้กำลังการผลิตของโรงงานมากขึ้น แต่รายได้ยังทรงๆ แนวโน้ม 2Q62 ดีต่อตามฤดูกาล โดยปรับกำไรปีนี้ขึ้น 13% เป็น 273 ล้านบาท โตเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี