นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. วีรันดา รีสอร์ท (VRANDA) เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 501 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจาก ณ ปี 2561 โครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา ได้โอนกรรมสิทธิ์ของห้องชุดและรับรู้รายได้รวมไปแล้วถึงประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเหลือโอนและรับรู้รายได้อีกประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยที่เหลือส่วนใหญ่จะโอนภายในปี 2562
ส่วนแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปีนี้กิจการโรงแรมของกลุ่มบริษัทฯ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นของบรรยากาศและการออกแบบของโรงแรมที่สวยงามในลักษณะการผสมผสาน (Blended Design) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันมาร่วมเป็นจุดขายสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทฯ ทำให้โครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา ,วีรันดา ไฮ เรสซิเดนซ์ เชียงใหม่ และโครงการล่าสุดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คือ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดย ณ ไตรมาส 1/2562 มียอดจองแล้วถึงประมาณ 80%
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯ ยังมีรายได้จากกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่มจากการเปิดให้บริการรวม จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย Skoop Beach Cafe สาขาพัทยา สาขาหัวหิน และร้านเครื่องดื่ม KOF สาขาชั้น G ของโรงแรม โซ โซฟิเทล แบงค็อก และสาขาทองหล่อ
ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทฯ เตรียมเปิดร้านอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม เพิ่มอีก 4 แห่ง โดยในเดือนมิถุนายนนี้จะเปิดสาขา Skoop and Co. อีก 2 แห่ง ที่โครงการเจ อเวนิว ทองหล่อ และ เดอ มาร์เช่ ถ.นิมมานฯ จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งเปิดร้านชานมไข่มุก The Alley ที่สาขานี้ พร้อมทั้งขยายสาขาร้านเครื่องดื่ม KOF อีก 1 สาขา ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 12 ล้านบาท
"โครงการ VRANDA ในปัจจุบันครอบคลุมเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น หัวหิน,เชียงใหม่,กรุงเทพฯ,พัทยา และเกาะสมุย ส่วนโครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และยังคาดการว่า Margin จะดีกว่าโครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา และจะเริ่มโอนในช่วงต้นปี 2563 แผนระยะ 3-5 ปี ข้างหน้า เราอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจไปตามเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า VRANDA ซึ่งอาจจะเน้น Focus ในภาคใต้เป็นหลักก่อน และการระดมทุนในครั้งนี้หลังจากที่บริษัทฯ นำเงินไปชำระเงินกู้แล้ว จะทำให้อัตราหนี้สิ้นต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือต่ำกว่า 2 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.6 เท่า" นายวีรวัฒน์ กล่าว
นายวีรวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจโรงแรม เมื่อเทียบผลประกอบการไตรมาส 1/2562 กับไตรมาส 4/2561 งวดก่อนหน้า มีรายได้เพิ่มจาก 326.15 ล้านบาท เป็น 367.07 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.55% จากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพักเฉลี่ย เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา