ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,632.70 จุด ลดลง 1.14 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 21,430.74 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,638.94 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,631.99 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแคบ รีบาวด์ได้เล็กน้อยตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากที่ปรับฐานมาพอสมควรก่อนหน้านี้ตอบรับผลประกอบการไตรมาส 1/62 ของบจ.ที่ไม่ค่อยดีนัก โดยส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด และยังต้องรอติดตามความคืบหน้าของสงครามการค้า และการจัดตั้งรัฐบาลในประเทศ ทำให้ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาขับเคลื่อนตลาดในช่วงนี้
อย่างไรก็ตามในส่วนประเด็นการเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยของ MSCI ยังเป็นปัจจัยที่ประคองตลาด หลังจากวานนี้ MSCI ได้ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า/ออกในการคำนวณดัชนี แต่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 พ.ค. ดังนั้น ในช่วงนี้จนถึงวันที่มีผลบังคับใช้ก็จะทำให้มีแรงซื้อจากกองทุนที่เลียนแบบดัชนี MSCI ก็จะทยอยปรับพอร์ตตาม MSCI และน่าจะทำให้ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยมี Downside จำกัด บริเวณ 1,620 จุด แต่ขณะเดียวกัน Upside ก็ยังจำกัดที่ 1,660 จุด เพราะตลาดยังกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าที่มีการออกมาตรการทางภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐและจีน
สำหรับการซื้อขายในช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบจากแรงกดดันของการประกาศงบการเงินของบจ.ที่ออกมาไม่ดี และยังรอดูความชัดเจนจากปัจจัยในอนาคตทั้งสงครามการค้า และการจัดตั้งรัฐบาลของไทย โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1,630-1,640 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BEM มูลค่าการซื้อขาย 768.39 ล้านบาท ปิดที่ 11.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
EA มูลค่าการซื้อขาย 764.65 ล้านบาท ปิดที่ 52.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTG มูลค่าการซื้อขาย 748.71 ล้านบาท ปิดที่ 13.50 บาท ลดลง 0.10 บาท
BJC มูลค่าการซื้อขาย 628.25 ล้านบาท ปิดที่ 48.75 บาท ลดลง 2.50 บาท
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 591.73 ล้านบาท ปิดที่ 4.58 บาท ลดลง 0.24 บาท