นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดค่าการกลั่น (GRM) ในไตรมาส 2/62 น่าจะดีขึ้น หลังเข้าสู่ฤดูกาลที่หลายโรงกลั่นในต่างประเทศปิดซ่อมบำรุง ส่งผลดีต่อส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซิน จากไตรมาส 1/62 ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ยอยู่ที่ 4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซล และส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน ยังคงอยู่ระดับที่ดี เมื่อเทียบกับส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน
ทั้งนี้ มองผลกระทบจากเกณฑ์ใหม่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่กำหนดให้เรือเดินสมุทรต้องใช้น้ำมันเตาที่มีค่ากำมะถันต่ำไม่เกินกว่า 0.5% จาก 3.5% ในปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 นั้นน่าจะส่งผลบวกต่อค่าการกลั่นดีขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากคาดว่าจะมีความต้องการน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมในน้ำมันเตาเพื่อลดค่ากำมะถันลง
โดยบริษัทยังคงเป้าหมายค่าการกลั่นในปีนี้ไว้ที่ 5-7 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยบวกมาจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิหร่านและเวเนซุเอลา ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยกดดัน คือข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งน่าจะส่งผลต่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลง
ขณะที่ความคืบหน้าสำหรับการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ตามโครงการเพิ่มกำลังการผลิตของหน่วยการกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) และโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพต่าง ๆ ยังคงดำเนินการได้ตามแผน โดยในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.62 บริษัทจะปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ และยังมีโครงการเพิ่มกำลังการผลิตในหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ และหน่วยผลิตปลายน้ำอื่น ๆ จาก 165,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นเป็น 175,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ทันทีหลังจากเสร็จสิ้น โดยวางงบลงทุนรวมดังกล่าวไว้ที่ 256 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้บริษัทยังคงมองโอกาสในการขยายธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจรีเทล ซึ่งถือว่ายังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัทที่ต้องการจำหน่ายน้ำมันภายในประเทศ