นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก เป็นไปตามพอร์ตสินเชื่อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ประเทศ จากปัจจุบันที่มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างสิ้นสุดไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 7,204 ล้านบาท ทั้งในประเทศไทย เมียนมา อินโดนีเซีย และลาว เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา คาดว่าปีนี้น่าจะมีสัดส่วนรายได้ที่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก จากปัจจุบันอยู่ที่ 9% จากการปล่อยสินเชื่อทั้งลิสซิ่งและนาโนไฟแนนซ์ได้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าในเมียนมาแล้วจำนวน 1.5 แสนราย ขณะที่ภาพของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก หรือน้อยกว่า 1%
ทั้งนี้ ในประเทศอินโดนีเซีย ก็ถือว่ายังมีการเติบโตที่ดี ลูกค้ายังมีความสามารถชำระคืนหนี้ได้ ประกอบกับยังมีคู่แข่งน้อย ส่วนในประเทศลาว มีการเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ 5-10% อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/62 บริษัทฯ ยังคงมีค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายอยู่ แต่จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่ที่ 19 ล้านบาท
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายกำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตกว่า 460 ล้านบาท และจะควบคุม NPL ให้ต่ำกว่า 5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 6%
นอกจากนี้ในวันที่ 25 เม.ย.62 บริษัทฯ ชนะคดีและได้สิทธิ์ในการบังคับหลักประกันที่ดินในประเทศบราซิล จากข้อพิพาทกับลูกหนี้สินเชื่อสิงคโปร์ ซึ่งเดิมทางลูกหนี้สินเชื่อสิงคโปรมีการนำเอาที่ดินและอาคารในประเทศบราซิล และญี่ปุ่น มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันคิดเป็นมูลค่ารวม 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อขอสินเชื่อ คิดเป็นมูลหนี้รวม 36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่เกิดปัญหาจากการถูกศาลสั่งระงับธุรกรรมทางการเงินชั่วคราว เนื่องจากเจทรัสต์เป็นผู้ยื่นฟ้อง ทำให้นำไปสู่ขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินในประเทศบราซิล โดยได้มีการประเมินมูลค่าที่ดินในประเทศบราซิลคิดเป็นมูลค่าประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าหากดำเนินการขายที่ดินดังกล่าวได้จะรับรู้เข้ามาเป็นรายการพิเศษ ส่วนทรัพย์สินในประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯ จะใช้วิธีการเจรจาประนอมหนี้ต่อไป
ส่วนคดีความของ PT Bank JTrust Indonesia ศาลมีคำสั่งยกฟ้องที่อดีตคู่ค้าฟ้องบริษัทฯ โดยในวันที่ 29 เม.ย.62 ได้มีการยื่นฟ้องกลับต่อศาลแพ่งในอินโดนีเซีย ในข้อหาการฟ้องดังกล่าวไม่มีมูลความจริง มูลค่าฟ้อง 48 ล้านบาท และในวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้ฟ้งรับคำร้อง และมีการนัดไต่สวน ตรวจสอบเอกสาร และไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่ายในวันนี้ 16 พ.ค.62 เป็นวันแรก คาดว่าจะใช้ระยะเวลากว่า 1 ปี
สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ น.ส.มานิดา ซินเมอร์แมน ที่ปรึกษากฎหมาย GL กล่าวว่า ศาลล้มละลายกลางได้กำหนดนัดไต่สวนครั้งต่อไปในวันที่ 26, 27, 28 มิ.ย. 62 และ 1, 2 ก.ค.62 โดยศาลยังไม่กำหนดวันอ่านคำพิพากษา แต่ถ้ามีการสืบพยานแล้วเสร็จปกติจะใช้เวลาประมาณ 30-45 วัน ศาลจะคำสั่งวินิจฉัยออกมา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีมุมมองที่เป็นบวก เนื่องจากบริษัทฯ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน