นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการคูริฮาร่า 2 ดำเนินการโดย Kurihara GK ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EPCO ถือหุ้น 98% เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 17.25 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่เขตพื้นที่คูริฮาร่า จังหวัดมิยากิ ประเทศญี่ปุ่น โดยได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจาก Tokoku โดยมีระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปีในระบบ Fit ซึ่งราคาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 36 เยนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงคงที่ตลอดอายุสัญญา และคาดว่าจะ COD ภายในเดือนตุลาคม 2562
ในส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากได้เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นของ บริษัทดับบลิวพีเอส (WPS) ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์ และที่ผ่านมา ยังคงมีการเติบโตสามารถสร้างรายได้ดี ขณะที่บริษัทฯอยู่ระหว่างเพิ่มศักยภาพของธุรกิจการพิมพ์ โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตกล่องลูกฟูกได้ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2562 เป็นต้นไป ดังนั้นจะช่วยให้บริษัทมีรายได้ธุรกิจโรงพิมพ์เพิ่มขึ้นเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่าภาพรวมการเติบโตปีนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่ารายได้รวมทั้งปีจะเติบโตแตะระดับ 50% ทุบสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง เนื่องจากธุรกิจสิ่งพิมพ์และธุรกิจโรงไฟฟ้ามีแนวโน้มที่ดี ขณะเดียวกันล่าสุดบริษัทฯรายงานผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 46.78 ล้านบาท ลดลงจากระดับกำไรสุทธิ 149.49 ล้านบาทในงวดปีก่อน ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 302.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.23% จากงวดเดียวกันปีก่อน 241.93 ล้านบาท เนื่องจาก WPS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EPCO ถือหุ้น 84.50% มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน