(เพิ่มเติม) บลจ.วรรณ ระบุปีนี้ยังคงเน้นลงทุน FIF เพื่อกระจายความเสี่ยงในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 4, 2008 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ปีนี้ บลจ.วรรณมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่ๆ โดยจะพยายามสร้างสรรค์กองทุนที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มากขึ้นและกองทุนที่จะรองรับความต้องการของตลาดเพื่อให้ตอลสนองต่อความต้องการของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรในต่างประเทศ (FIF) กองทุนอีทีเอฟที่จะเลือกลงเป็นราย sector เช่น ETF ที่อ้างอิงดัชนีหมวดธุรกิจพลังงาน เป็นต้น
"ในปีนี้การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ยังคงจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น เพระเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระจายการลงทุนและความเสี่ยงนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว" นายสมจินต์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเน้นทำการตลาดสำหรับกองทุนเดิมที่มีอยู่ผ่านโครงการ Automatic Millionaire Program (AMP) โดยในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 1,000 ราย จากปัจจุบันที่มีผู้เข้าร่วมประมาณ 400 ราย โดยจะขยายฐานผู้เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นและมุ่งเน้นการทำ workshop ให้ความรู้กับผู้ลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายสมจินต์ กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทมีแผนจะออกกองทุนใหม่ คาดว่าเบื้องต้นจะเห็นจำนวน 3 กองทุน แบ่งเป็น FIF 1 กอง เน้นลงทุนในตราสารทุน
ส่วนอีก 2 กองเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค(PF)ที่คาดว่าจะเสนอขายในเดือน ก.พ.นี้ มูลค่าประมาณ 520 ล้านบาท อยู่ระหว่างรออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
ส่วนที่เหลืออีก 1 กอง เป็นกองทุนเปิดวรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (1NEWCAP) และกองทุนเปิดเปิดวรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ (1NEWCAP-D) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในภูมิภาคทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A ขึ้นไป โดยคาดว่าจะเสนอขายในวันที่ 4-14 ก.พ.นี้
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มบัญชีลูกค้าที่จะมาลงทุนเพิ่มขึ้น 5% จากปัจจุบันที่มีบัญชีลูกค้า 2.3 หมื่นบัญชี โดยจะมาจากโครงการ Automatic Millionaire Program(AMP)ประมาณ 600 ราย โดยจะเน้นผู้ที่มีรายได้ประจำ ลงทุนขั้นต่ำ 2 พันบาทต่อเดือน รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อขยายฐาน
นายสมจินต์ กล่าวต่อว่า จากเหตุผลดังกล่าวบริษัทเชื่อว่าจะสามารถมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารเติบโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าทรัพย์สินสทธิภายใต้การบริหาร 62,831.41 ล้านบาท โดยมาจากกองทุนรวม 36,596 ล้านบาท กองทุนส่วนบุคคล 20,367 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 4,902 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ