นางสาวกันยะรัตน์ กฤษณเทวินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เปิดเผยว่า บริษัทลดเป้ารายได้ปีนี้ลงเหลือเติบโต 7-10% จากเดิมที่คาดเติบโต 10-15% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังนักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยบริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 80% จากปีก่อนที่ 79%
อีกทั้งบริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 9 แห่ง ส่งผลให้สิ้นปี 62 บริษัทจะมีโรงแรมทั้งหมดจำนวน 70 แห่ง ได้แก่ โรงแรมฮ็อปอินน์ 7 แห่ง คือ โรงแรมฮ็อปอินน์ แจ้งวัฒนะ 108 ห้อง, ฮ็อปอินน์ รังสิต 79 ห้อง, ฮ็อปอินน์ ขอนแก่น 79 ห้อง, ฮ็อปอินน์ ระยอง 79 ห้อง, ฮ็อปอินน์ เชียงราย 70 ห้อง, ฮ็อปอินน์ หาดใหญ่ 79 ห้อง และฮ็อปอินน์ นครปฐม 79 ห้อง และโรงแรมขนาดกลาง 2 แห่ง คือ โรงแรม เมอร์เคียว สุขุมวิท 24 จำนวน 201 ห้อง และโรงเรม ไอบิส สุขุมวิท 24 จำนวน 300 ห้อง รวม 9,559 ห้อง
นอกจากนี้บริษัทยังคงแผนการลงทุน 3 พันล้านบาท สำหรับปรับปรุงโรงแรมเดิม ได้แก่ ปรับปรุงห้องพักและห้องอาหารของโรงแรม เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพ และปรับปรุงห้องพักโรงแรมไอบิส จำนวน 3 แห่งคือ สาทร ป่าตอง และสมุย และโครงการเพิ่มห้องพักรูปแบบ Deluxe จำนวน 10 ห้องของโรงแรม เดอะ นาคา ไอแลนด์ เอ ลักซ์ซัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 62
ส่วนการขอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนจำนวน 250.77 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เสนอขายบุคคลในวงจำกัด (PP) เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับแผนการลงทุนเพื่อขยายกิจการในอนาคตนั้น ปัจจุบันบริษัทยังมองหาการเข้าซื้อกิจการโรงแรมในระดับ 2-4 ดาว ในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะในประเทศ ฟิลิปปินส์ ที่บริษัทมีโรงแรมอยู่แล้ว 5 แห่ง และในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทมีวงเงินในการลงทุนอยู่ราว 5 พันล้านบาท
"ปัจจุบันเราก็ยังคงมองหาการเข้าลงทุนในโรงแรมระดับ 2-4 ดาว ซึ่งการขอ PP ไว้ก็เพื่อที่จะรองรับการลงทุนดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่ได้มีการเสนอเข้ามา หรือการเจรจาใด ๆ ซึ่งบริษัทมองหาการลงทุนขนาดใหญ่ที่มูลค่าเราสามารถลงทุนได้สูงถึง 5 พันล้านบาท"นางสาวกันยะรัตน์ กล่าว