ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยบรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงแม้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลด้านการผลิตที่ฟื้นตัวขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่าบริษัทโบรกเกอร์ได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนหุ้นธุรกิจบัตรเครดิตและหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีข้อมูลระบุว่ากลุ่มผู้บริโภคผิดนัดชำระหนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 108.03 จุด หรือ 0.85% แตะระดับ 12,635.16 จุด และดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 14.60 จุด หรือ 1.05% แตะระดับ 1,380.82 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 30.51 จุด หรือ 1.26% แตะระดับ 2,382.85 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.36 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.05 พันล้านหุ้น
นายทอม ฮิกกินส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเพย์เดน แอนด์ รีเกล อินเวสท์เมนท์ ในเมืองลอสแองเจลิสกล่าวว่า "นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 2 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังคงถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงภาวะตกต่ำในตลาดแรงงาน ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และความพยายามของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือกลุ่มบริษัทประกันหุ้นกู้"
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ลดลง 17,000 ตำแหน่ง นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับตัวเลขจ้างงานเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 82,000 ตำแหน่ง
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงแม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ยอดสั่งซื้อของกลุ่มโรงงานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนธ.ค.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 2%
หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มสร้างบ้าน กลุ่มค้าปลีก และหุ้นบริษัทบัตรเครดิต ได้รับแรงกดดันจากการปรับลดอันดับความน่าลงทุน โดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ร่วงลง 3.9% หลังจากยูบีเอสปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวกล่าวลงสู่ระดับ "sell" ขณะที่หุ้นแคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นบริษัทบัตรเครดิตอีกรายหนึ่ง ร่วงลง 7.6% หลังจากยูบีเอสปรับลดอันดับความน่าลงทุนหุ้นเช่นกัน
หุ้นเจพี มอร์แกน ดิ่งลง 4.2% ขณะที่หุ้นธนาคารวาโชเวียซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดอันดับ 4 ของสหรัฐร่วงลง 8.3% และหุ้นธนาคารเวลล์ส ฟาร์โก แอนด์ โค ซึ่งเป็นสถาบันการเงินปล่อยกู้อันดับ 2 ของสหรัฐ ร่วงลง 6.7%
ส่วนหุ้นกูเกิลร่วงลง 4% หุ้นไมโครซอฟท์รูดลง 26 เซนต์ ปิดที่ 30.19 ดอลลาร์ และหุ้นยาฮูทะยานขึ้น 3.4% หลังจากไมโครซอฟท์เสนอซื้อกิจการยาฮูเป็นวงเงินมูลค่า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนายสตีฟ บอลล์เมอร์ ซีอีโอของไมโครซอฟท์กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะทำให้ไมโครซอฟท์กลายเป็นคู่แข่งรายสำคัญของกูเกิล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--