(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ ราคาน้ำมันดิบขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน, รอคืบหน้าการเมือง-สงครามการค้า

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสดีดตัวขึ้นทางเทคนิค หลังจากที่ดัชนีปรับลดลงมามาก ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยลบรุนแรงเข้ามาสู่ตลาด นอกจากความกังวลว่าไทยอาจจะถูกขึ้นบัญชีจากสหรัฐกรณีแทรกแซงค่าเงิน แต่เชื่อว่ายังไม่มีผลกระทบมากนักเพราะเป็นเพียงความกังวลเท่านั้น

ขณะที่การประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/62 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ออกมาเกือบหมดแล้วมีกำไรสุทธิเกิน 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ ทำให้ความเสี่ยงที่บจ.จะถูกลดประมาณการกำไรก็จะลดลงด้วย นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ น่าจะทำให้มีแรงซื้อหุ้นพลังงานเข้ามาช่วยหนุนตลาดด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอติดตามความคืบหน้าพัฒนาการที่สำคัญทั้งในส่วนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการเมืองภายในประเทศด้วย

พร้อมให้แนวรับที่ 1,600 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,862.68 จุด พุ่งขึ้น 214.66 จุด (0.84%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,876.32 จุด เพิ่มขึ้น 25.36 จุด (+0.89%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,898.05 จุด เพิ่มขึ้น 75.90 จุด (+0.97%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 183.88 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.06 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 152.93 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 33.95 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.13 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 7.31 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 พ.ค.62) 1,614.75 จุด ลดลง 6.52 จุด (-0.40%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,954.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พ.ค.62
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 พ.ค.62) ปิดที่ 62.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.4%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 พ.ค.62) ที่ 2.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 31.66 อ่อนค่าหลังตัวเลขศก.สหรัฐฯหนุนดอลล์แข็ง รอความชัดเจนสงครามการค้า-การเมือง-ตัวเลข GDP ไทย
• คลังเตรียมหารือแบงก์ชาติขอแก้เกณฑ์แอลทีวี หลังแบงก์เริ่มรับผลกระทบยอดปล่อยสินเชื่อ เม.ย.หดหวั่นกระทบอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ด้านธปท.รอประเมินผล ออมสินเล็งออกมาตรการช่วยลูกค้า ขณะธอส. ลุยหารือแบงก์ชาติ หวังขอผ่อนปรน สำหรับแบงก์รัฐ ลั่นพันธกิจไม่เหมือนแบงก์พาณิชย์ หวั่นยอดปล่อยกู้ปีนี้ต่ำเป้า 6 หมื่นล้านบาท ด้าน"ซีไอเอ็มบี" เผยยอดปล่อยใหม่เดือนเม.ย.ลดลงเกือบครึ่ง
• "ธปท."จ่อหั่นเป้าหมายจีดีพีใหม่ รับมีสัญญาณโตต่ำกว่าคาดการณ์ สะดุดพิษสงครามการค้าป่วนหนัก คลังยังเชื่อจัดการดีๆ ยังทำ 3.8% ได้ ม.หอการค้าไทยชู 6 ปัจจัยหั่นจีดีพีปี 62 เหลือโต 3.5%
• "แบงก์ชาติ" เตือนอย่าตกใจแม้ "ไทย" เสี่ยงอยู่ในลิสต์ประเทศบิดเบือน ค่าเงินของสหรัฐ ยืนยันไม่ได้ปั่นค่าเงินเพื่อหวังผลการค้า ย้ำเข้าดูแลเพื่อลดความผันผวนเท่านั้น ระบุชัดไม่มีผลต่อการทำนโยบายการเงิน ด้าน "อภิศักดิ์" มั่นใจไร้ผลกระทบ พร้อมประเมินเศรษฐกิจไทยแกร่งรับมือการค้าโลกป่วนได้
• "สมคิด"ประชุมร่วมกับรมว.คมนาคม และรมว.คลัง รวมทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ 19 แห่ง โดยได้มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 62 ให้ได้เพิ่มขึ้นกว่าแผนที่กำหนด
• พาณิชย์ เผยภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้ การเติบโตจะช้ากว่าช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ที่อิงจากปัญหาเศรษฐกิจโลก พร้อมคาดว่าภาพรวมการส่งออกปีนี้จะชะลอตัวลงจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ธุรกิจค้าปลีกไทยในปัจจุบันต้องเร่งปรับตัว

*หุ้นเด่นวันนี้

• SINGER-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ครั้งที่ 1) มีจำนวน 65,752,617 หน่วย อายุ 2 ปี ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 7 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 28 มิ.ย.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 23 เม.ย.64
• SINGER-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ครั้งที่ 2) มีจำนวน 65,752,617 หน่วย อายุ 4 ปี ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 14 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 28 มิ.ย.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 21 เม.ย.66
• CPALL (กสิกรไทย) แนะนำ "OUTPERFORM" ราคาเป้าหมาย 82 บาท/หุ้น มีมุมมองเชิงบวกหลังประชุมนักวิเคราะห์ จากแนวโน้ม SSSG ที่จะโตไม่น้อยกว่าระดับ 3.1% ใน 1Q62 จากสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม personal care และ H&B บริษัทคงเป้าการเปิดสาขาปีนี้ที่ 700 สาขา ขณะที่การบุกตลาดกัมพูชาและเวียดนามกำลังอยู่ในช่วงเจรจากับพันธมิตร และคาดจะเจรจาเสร็จภายใน 2Q62
• PTT (ไอร่า) แนะ"ซื้อลงทุน" ให้ราคาเป้าหมาย 66 บาท/หุ้น จากราคาหุ้น Laggard เป็นโอกาสในการทยอยเข้าลงทุน พร้อมคาด Div.Yield อีก 4.1% ขณะที่ผลการดำเนินงาน 1Q/62 มีกำไรสุทธิ 29,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% qoq แต่ลดลง 26% yoy ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ โดยธุรกิจก๊าซของ PTT มีผลการดำเนินงานลดลง 16% qoq ซึ่งเป็นไปตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ลดลง ขณะที่ผลการดำเนินงานของ PTTEP ในช่วง 1Q/62 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 41% qoq ส่วนธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ในช่วง 1Q/62 มีผลการดำเนินงานฟื้นตัวขึ้นจาก 4Q/61 เนื่องจากผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากในช่วง 4Q/61 ในขณะที่ช่วง 1Q/62 ค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับต่ำ และส่วนต่างปิโตรเคมี อ่อนตัวลง ส่วนแผนนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เลื่อนไปเป็นช่วง 4Q/62 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการโอนทรัพย์สิน สัญญาและคู่ค้าต่างๆ คาด PTTOR จะเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ PTT จากแผนการดำเนินงานที่มุ่งเน้นไปยังธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน รวมถึงพื้นที่เช่า และร้านอาหาร เครื่องดื่ม ในอนาคต