ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,617.42 จุด เพิ่มขึ้น 2.67 จุด (+0.17%) มูลค่าการซื้อขาย 20,772.22 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,622.33 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,613.20 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยรีบาวด์ในกรอบแคบ รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจากความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและหนุนให้ดัชนีขยับขึ้นได้ ประกอบกับดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลายวัน หากพิจารณาจากตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ที่อยู่ราว 1,680 จุด ลงมาต่ำสุดเมื่อวานนี้ที่ราว 1,604 จุด นับได้ว่าปรับลดลงมาเกือบ 5% จนเข้าสู่ภาวะการขายมากเกินไป (Oversold) ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง
แต่การปรับขึ้นของดัชนียังมีกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังรอติดตามความคืบหน้าเรื่องสงครามการค้า และการเมืองในประเทศ อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก (Emerging Market) โดยนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.นักลงทุนต่างชาติขายตลาดหุ้นไทยรวมประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท เฉพาะในสัปดาห์นี้ขายออกมาแล้วราว 6 พันล้านบาท
ขณะที่ผลการดำนินงานไตรมาส 1/62 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ออกมาก็ไม่ได้นับว่าแย่มากนัก อีกทั้งยังมีความคาดหวังการเข้ามาซื้อของต่างชาติหลัง MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย ซึ่งจะมีผลบังคับในวันที่ 28 พ.ค. ทำให้ต่างชาติอาจะยังไม่รีบกลับเข้ามาซื้อในช่วงนี้ ดังนั้น มองว่าดัชนีน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อไปในการซื้อขายช่วงบ่าย โดยให้แนวรับที่ 1,610 และแนวต้านที่ 1,625 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,239.98 ล้านบาท ปิดที่ 76.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 994.95 ล้านบาท ปิดที่ 47.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 857.61 ล้านบาท ปิดที่ 4.40 บาท ลดลง 0.06 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 736.14 ล้านบาท ปิดที่ 129.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 588.12 ล้านบาท ปิดที่ 99.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท