นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะดีดกลับขึ้นไปได้บ้างในกรอบแคบ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน หลังจากผ่อนคลายสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในช่วงสั้น จากที่สหรัฐฯได้ยืดเวลาคำสั่งห้ามธุรกิจสหรัฐร่วมงานกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ เป็นการชั่วคราว แต่ตลาดยังมีโอกาสผันผวนได้หากสงครามการค้ายังไม่ยุติ
อย่างไรก็ดีปัจจัยในประเทศ ช่วงนี้ให้ติดตามการฟอร์มทีมรัฐบาล เนื่องจากใกล้จะถึงวันเปิดประชุมรัฐสภาแล้ว และจากที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ออกมาต่ำกว่าคาด ก็ต้องรอดูว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,877.33 จุด เพิ่มขึ้น 197.43 จุด (+0.77%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,864.36 จุด เพิ่มขึ้น 24.13 จุด (+0.85%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,785.72 จุด เพิ่มขึ้น 83.35 จุด (+1.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 101.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 96.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.60 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.40 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.82 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 9.47 จุด
ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเผยแพร่คัมภีร์อัลกุรอ่าน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ค.62) 1,610.49 จุด เพิ่มขึ้น 2.38 จุด (+0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 842.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 พ.ค.62) ปิดที่ 62.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 พ.ค.62) ที่ 2.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.95 อ่อนค่าจากวานนี้ มองกรอบวันนี้ 31.85-32.00 จับตาตัวเลขส่งออกไทย
- สศช. เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกโต 2.8% ต่ำสุดรอบ 17 ไตรมาส พิษสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ฉุดส่งออกหดตัว หั่นคาดการณ์ "จีดีพี"ปีนี้เหลือ 3.6% พร้อมเสนอ 5 ประเด็นบริหารเศรษฐกิจ "สมคิด" มั่นใจ ครึ่งปีหลังฟื้น ด้าน"ประยุทธ์"เรียกเอกชนถกด่วนรับมือค้าโลกป่วน "ทีเอ็มบี"หั่นจีดีพีเหลือ 3%
- รับเหมาจีนดั๊มพ์ราคา กวาด 3 งานประมูลทางด่วนพระราม 3 วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท แซงรายใหญ่ไทยทั้ง ช.การช่าง ไอทีดี ซิโน-ไทย ชงบอร์ด 23 พ.ค.นี้ เผย "ไชนา ฮาร์เบอร์"จ่อคว้าประมูลท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ร่วมกัลฟ์-ปตท.
- ธนาคารแห่งประเทศไทยจับตาเอ็นพีแอลยังขยับต่อเนื่อง ไตรมาสเดียวยอดคงค้างเพิ่มหมื่นล้าน ทั้งจากหนี้เอสเอ็มอี-บ้าน-รถ ส่วนมาตรการแอลทีวียันไม่ปรับ พร้อมเร่งสรุปผลติดตามสินเชื่อเช่าซื้อ
- รมว.พลังงาน ให้นโยบายติดตามสถานการณ์เพื่อวางแผนรับมือ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวสูงขึ้น และราคาอยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ผลกระทบมาจากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง ที่ท่อขนส่งน้ำมันและสถานีส่งออกน้ำมันดิบและเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีใกล้บริเวณช่องแคบเฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือส่งออกน้ำมันดิบที่สำคัญ โดยคิดเป็น 20% ของปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก ขณะที่เดิมท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณคงการปรับลดกำลังการผลิตไว้ระดับเดิมจนถึงสิ้นปี 2562 ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมกลุ่มโอเปกครั้งถัดไปช่วงวันที่ 25-26 มิถุนายนนี้ คงต้องดูว่าที่ประชุมโอเปกจะมีมติที่ชัดเจนอย่างไร
*หุ้นเด่นวันนี้
- JMT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 15.7 บาท คาดแนวโน้มกำไรสุทธิในปีนี้จะยังพุ่งทำ All time high ได้ในทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี
- SISB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.84 บาท รายได้ของโรงเรียนเป็น Recurring income ที่เติบโตตามจำนวนนักเรียนและค่าเทอมที่เพิ่มขึ้น มีความอ่อนไหวน้อยต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ต้นทุนหลักคือค่าบุคลากร (ครู) ไม่ได้เพิ่มในจำนวนเท่ากับนักเรียนที่เพิ่ม จึงได้ประโยชน์จาก Operating leverage ด้านกำไร Q1/62 ที่ 42 ล้านบาท คาดโตต่อเนื่องตลอดปี โดยเฉพาะ Q3 ที่เป็นเทอมใหม่ บริษัทปลอดหนี้และมีเงินเหลือจาก IPO ในการขยายธุรกิจอีกมาก
- CK (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 31 บาท งานในมือปัจจุบันของ CK ค่อนข้างต่ำ ทำให้กำไรปีนี้จะไม่เด่น แต่มีงานที่จะได้ในอนาคตหลายโครงการ คือ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน 5-7 หมื่นล้านบาท โครงการก่อสร้างทางด่วน 3 หมื่นล้านบาท รวมถึงงานงานประมูลขนาดใหญ่ในปีนี้อีก 6 แสนล้านบาท จะช่วยหนุนผลประกอบการในปี 2563 CK มีจุดเด่นที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ และมีเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศ คือ BEM, CKP และ TTW ที่มีมูลค่าสูง คิดเป็น 43.7 บาทต่อหุ้น