นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) คาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/62 จะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/62 โดยธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปมีการชะลอตัวออกไปและมีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในมือ 7-8 โครงการแล้ว ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/62 แล้ว
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งยังคงเน้นกลุ่มลูกค้า 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มบ้านพักอาศัย ,กลุ่มสำนักงาน อาคารธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง และธุรกิจขนาดใหญ่ , กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม
"รายได้จากโซลาร์ฟาร์มยังคงเข้ามาตามปกติ แต่ส่วนที่ทำให้ผลประกอบการขึ้นหรือลงนั้นมาจากงานโซลาร์รูฟท็อปที่มีการชะลอไป แต่อย่างไรก็ตามมีการเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มติดตั้งในช่วงปลายไตรมาส 2/62 นี้ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังกลับมาเติบโตอีกครั้ง"นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าประมูลโครงการโซลาร์ลอยน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่คาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนให้ประมูล (TOR) ในช่วงเดือน มิ.ย. นี้ สำหรับโครงการแรกที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ขนาด 45 เมกะวัตต์ โดยบริษัทคาดว่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 40-50% ของโครงการทั้งหมด แม้ว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมูลหลายราย แต่บริษัทยังมีความมั่นใจเพราะบริษัทมีประสบการณ์ในการติดตั้ง และบริษัทมีพันธมิตรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตแผงโซลาร์ด้วย จึงมีโอกาสที่จะได้รับงานสูง