นายขวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) เปิดเผยว่าปี 51 ธนาคารมีแผนออกหุ้นกู้กว่า 6 พันล้านบาท โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ครั้ง ในช่วงครึ่งปีแรก 1 ครั้งและครึ่งปีหลังอีก 1 ครั้ง อายุหุ้นกู้เฉลี่ย 2-4 ปีขึ้นกับภาวะตลาดและความต้องการ ณ ขณะนั้น ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้ไปขยายธุรกิจสินเชื่อ และปรับโครงสร้างเงินฝาก
แผนงานในปีนี้ ธนาคารคาดว่าจะรักษาส่วนต่างดอกเบี้ย (สเปรด)ใกล้เคียงปีที่แล้วที่ 4.1% โดยจะเน้นระดมเงินฝากระยะยาว โดยสัดส่วนพอร์ตเงินฝาก เป็นเงินฝากธรรมดา 50% ตั๋วแลกเงิน 30% และ หุ้นกู้ 20% ประกอบกับคาดว่าต้นทุนเงินฝากไม่น่าสูงขึ้น ทำให้สเปรดธนาคารเคลื่อนไหวไม่หวือหวามากนัก
ธนาคารมีแนวทางการลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) โดยมีเป้าหมายลดสัดส่วน Gross NPL ให้เหลือ 8% จากสิ้นปี 50 อยู่ที่ 12.4% และลด Net NPL เหลือ 5% จาก 9.2% ซึ่งธนาคารจะบริหารจัดเองเอง เพราะไม่มีนโยบายขาย NPL ขณะที่เป้าหมายเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS)คาดว่าจะอยู่ที่ 16-18% จากปัจจุบัน 16.4%
"คาดว่าปีนี้ จะพยายามรักษา BIS ที่ระดับเดิม 16-18% โดยปัจจุบัน 16.4% แต่ถ้าราวมกำไรในครึ่งปีหลังของปี 50 BIS จะเพิ่มเป็น 18.5% โดยส่วนใหญ่จะเป็น tier1 ที่ 17.9%" นายชวลิต กล่าว
*สินเชื่อรวมโต 30% ขยายสินทรัพย์แตะแสนลบ.ในปีนี้
นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาลพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ KK เปิดเผยว่า ปี 51 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมเติบโต 30% หรือเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาทจากสิ้นปีที่แล้วมียอดสินเชื่อคงค้าง 6.5 หมื่นล้านบาท โดยสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักจะขยายตัวประมาณ 35% ส่วนสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคาดว่าจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ประมาณการจะเติบโตขึ้นเท่าตัว
ส่วนเงินฝากและเงินกู้ยืม ธนาคารคาดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 70% ซึ่งเน้นรายกลางและรายย่อย และจะเปิดสาขาใหม่อีก 10 สาขา จากปัจจุบันมี 27 สาขา รวมทั้งมุ่งเน้นสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม เพิ่มขึ้น 40% และเพิ่มสัดส่วนตั๋วแลกเงิน และมีการระดมเงินฝากระยะยาวตั้งแต่ 1 ปี เพื่อรองรับการจัดตั้งสถาบันเงินฝาก
นายชวลิต กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีบัญชีเงินฝาก ลูกค้า 9 พันบัญชี ปีนี้ธนาคารตั้งเป้าเพิ่มอีก 70% จะมีบัญชีลูกค้าเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นบัญชี
"ปีนี้เราเน้นขยายฐานลูกฝาก ในส่วน saving และ checking โดยใช้ดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดจูงใจลูกค้า ฝากมากได้มาก ได้สูงสุด 2.5-2.75% แต่กลยุทธ์เงินฝากเราออกระยะยาว ช่วง 12-18 เดือน เน้นลูกค้าขนาดกลางและรายย่อย ตั้งแต่ 2 ล้านขึ้นไป" นายชวลิต กล่าว
ในปีนี้ธนาคารเตรียมเข้าร่วมเอทีเอ็มพูล ใน พ.ค.51 และจะมีบริการ Call center ,internet banking และ CRM ในไตรมาส 3/51
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าสินทรัพย์ปี 51 เพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาท เติบโต 15% จากปี 50
สำหรับเกณฑ์บาเซิล 2 ที่จะมีผลบังคับใช้ปลายปีนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินกองทุนสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร เพราะธนาคารมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
เป้าหมายทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจของประเทศเติบโต 4-5 % และ ระดับอัตราเงินเฟ้อที่ 3-4% ในปีนี้
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--