นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า ในช่วงกว่า 4 เดือนแรกของปีนี้บริษัททำยอดขายได้แล้วกว่า 5 พันล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปี 62 ที่ตั้งไว้ 1.9 หมื่นล้านบาท แม้จะยังไม่เห็นการเพิ่มขึ้นมากนัก แต่บริษัทก็ยังคงเป้าหมายยอดขายปีนี้ในระดับเดิม เพราะส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทเปิดโครงการใหม่ไม่มากในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา โดยเปิดโครงการแนวราบเพียงแค่ 3 โครงการ จากแผนการเปิดทั้งปีนี้ 17 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 16 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
อีกทั้งในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะมีวันหยุดที่มากขึ้น ทำให้มีระยะเวลาการขายไม่มาก และปัจจัยจากเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ใหม่ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ทำให้ลูกค้าเกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อ ซึ่งกดดันต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งตลาดที่ไม่คึกคักและผู้ประกอบการต่างชะลอการเปิดโครงการ เพราะจะต้องรอดูสถานการณ์ของภาวะเศรษฐกิจและความมั่นใจของประชาชนอีกครั้งหลังจากจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ โดยที่บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายและยอดโอนในปีนี้ไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเปิดโครงการจะทยอยเปิดมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2/62 เป็นต้นไป
ขณะที่การโอนโครงการของบริษัทในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีการรับรู้เข้ามาในปีนี้ราว 5 พันล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ 6 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปในปี 63 พร้อมทั้งบริษัทจะทยอยระบายสต็อกออกไปให้ลดลง เพื่อสร้างรายได้กลับมา โดยที่ปัจจุบันบริษัทมีสต็อกพร้อมโอนรวมอยู่ที่ 1-1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น สต็อกของโครงการแนวราบ 7 พันล้านบาท และสต็อกของโครงการคอนโดมิเนียมราว 3-4 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยขายออกไปให้ลดลง
นอกจากนี้บริษัทยังมีการรุกกลุ่มโครงการแนวราบระดับลักซ์ชัวรี่มากขึ้น โดยเฉพาะในแบรนด์ Perfect Masterpiece และ Perfect Residence ซึ่งเป็นหนึ่งกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ LTV ใหม่มากนัก เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีการกู้ยืมสินเชื่อที่น้อยมาก โดยที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายและยอดโอนของโครงการแนวราบลักซ์ชัวรี่ในปีนี้ไว้ที่ 6 พันล้านบาท จากเป้ายอดขายและยอดโอนแนวราบที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยช่วงกว่า 4 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ 2.2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเปิดโครงการ Perfect Masterpeice อีก 4 โครงการ ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา, รามคำแหง, แจ้งวัฒนะ และ รัตนาธิเบศร์ รวมจำนวน 74 ยูนิต มูลค่ารวม 2.23 พันล้านบาท และจะเปิดตัวเพิ่มขึ้นในต้นปี 63 อีก 1 โครงการ ในทำเลสุขุมวิท 77 จำนวน 28 ยูนิต มูลค่า 920 ล้านบาท เพื่อรุกตลาดระดับลักซ์ชัวรี่มากขึ้น
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของการพัฒนาบ้านระดับลักซ์ชัวรี่จะมีบ้านที่เป็นแนวคิดใหม่ที่ร่วมมือกับบริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด ผู้นำในธุรกิจรับสร้างบ้านของประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมกันพัฒนาบ้านที่ก่อสร้างด้วยระบบโมดูล่าร์ ล่าสุดได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด "บ้านนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์" เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มบ้านระดับบนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งจะขายในในระดับราคา 20-45 ล้านบาท/ยูนิต แพงกว่าบ้านปกติ 15% ซึ่งมีให้เลือก 4 แบบ ขนาดตั้งแต่ 255-475 ตารางเมตร พัฒนาเป็นรูปแบบเฉพาะโดยการออกแบบร่วมกันระหว่างทีมออกแบบเฉพาะ ที่นำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากญี่ปุ่นมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ
ส่วนความคืบหน้าการโครงการคอนโดมิเนียม "อยู่รวย" มูลค่า 2.2 พันล้านบาท ราคาขายราคาเดียว 899,000 บาท จำนวน 2,400 ยูนิต หลังจากการเปิดให้จองสิทธิแล้ว จะเปิดขายอย่างเป็นทางการภายในเดือนก.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งมีลูกค้าเข้าจองสิทธิจำนวน 3,000 ราย ซึ่งสถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อให้แล้ว 600 ราย และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีกกว่า 1,000 ราย โดยที่ลูกค้าที่ไม่ได้รับการพิจารณาสินเชื่อให้ผ่านบริษัทจะนำยูนิตของลูกค้าที่จองสิทธิไว้คืนมาขายใหม่ ซึ่งคาดว่าจะขายได้หมดทั้ง 2,400 ยูนิต ภายในปี 63 ซึ่งจะมีการโอนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จำนวน 1,800 ยูนิต และส่วนที่เหลืออีก 600 ยูนิต จะทยอยโอนในปี 63