(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดตปท. เล็งเผชิญแรงขายทำกำไร-วิตกสงครามการค้ามีแนวโน้มยืดเยื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 23, 2019 09:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง โดยมีโอกาสที่จะเผชิญกับแรง Take profit หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาเมื่อวานนี้ และเช้านี้ตตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลงกัน ตามดาวโจนส์ที่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ปรับตัวลงพอควร ทั้งนี้เป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่คงจะยืดเยื้อ ประกอบกับท่าทีของจีนก็แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการตอบโต้สหรัฐฯ ดังนั้นประเด็นนี้คงจะต้องใช้เวลานานพอควร ส่งผลให้นักลงทุนเลือกที่จะปรับพอร์ตก่อน

ส่วนบ้านเรานักลงทุนก็ยังไม่มั่นใจปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยให้รอติดตามการเปิดประชุมรัฐสภาในปลายสัปดาห์นี้ รวมถึงรอดูการจัดตั้งรัฐบาลด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,610-1,615 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,776.61 จุด ลดลง 100.72 จุด (-0.39%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,856.27 จุด ลดลง 8.09 จุด (-0.28%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,750.84 จุด ลดลง 34.88 จุด (-0.45%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 103.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 10.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 200.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 53.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.80 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ค.62) 1,626.91 จุด เพิ่มขึ้น 16.42 จุด (+1.02%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,277.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ค.62
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 พ.ค.62) ปิดที่ 61.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ค.62) ที่ 2.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.94 อ่อนค่าเล็กน้อยจากวานนี้ คาดระหว่างผันผวน ตลาดกลับมากังวล Brexit มากขึ้น
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ส่งสัญญาณพร้อมทำสงครามการค้า ยืดเยื้อกับสหรัฐ ขณะสหรัฐเบนเข็มเล่นงานบริษัทผลิตโดรนและกล้องวงจรปิดรายใหญ่ของจีน ด้วยข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชน และจารกรรมข้อมูลจากสหรัฐ
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกไทยเดือน เม.ย. 62 มีมูลค่า 18,556 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นมูลค่าต่ำสุดในรอบ 2 ปีนับจาก เม.ย. 60 ที่ส่งออกได้มูลค่า 16,861.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.57% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,013 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 0.72% ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 1,457 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวม 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย. 62) ส่งออก มีมูลค่า 80,543 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1.86% นำเข้ามูลค่า 79,973 ล้านดอลลร์สหรัฐ ลดลง 1.08% และไทยยังเกินดุลการค้า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • 3 ค่ายมือถือไม่ปลื้มการตั้งราคาใบอนุญาตคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ ชี้ 1.7 หมื่นล้านสูงเกินไป
  • "ศิริ" สั่งโรงกลั่นจับตาสถานการณ์พร้อมรายงานรายวัน หลังราคาน้ำมันผันผวนจากผลกระทบความไม่ปกติในโลก โชว์สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเงินสดประมาณ 36,000-37,000 ล้านบาท เพียงพออุดหนุนราคาเชื้อเพลิง
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ชะลอตัวลงต่ำสุดในรอบ 17 ไตรมาส นับตั้งแต่ปี 2558 ที่ร้อยละ 2.8 ต่อปี ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ร้อยละ 3.2 โดยปัจจัยภายนอกส่งผลต่อการชะลอตัวลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะภาคการผลิตอุตสาหกรรมชะลอลงอย่างมากตามการหดตัวของการส่งออก ในขณะที่การชะลอตัวลงของภาคการท่องเที่ยวส่งผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งโรงแรม ที่พักอาศัยร้านอาหาร และค้าปลีกค้าส่งให้ชะลอตัวลงเช่นกัน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CPN (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 87 บาท คาดรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้น 12% จากอัตราเข้าเช่าศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น การรับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์การค้าภูเก็ตฟลอเรสต้า รายได้จากโครงการใหม่ที่มาเลเซีย และเซ็นทรัล วิลเลจ อีกทั้งมีการโอนโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
  • CPALL(กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 88 บาท เป็น Top pick กลุ่มค้าปลีก ปลอดภัยจากปัญหา Trade war, SSSG ยังเป็นบวกคาดไว้ +3% การขยายสาขายังเป็นไปตามแผนที่ 700 สาขาต่อปี อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่ MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุนมากที่สุดเป็นอันดับ 5 (100 ล้านเหรียญ) ของการคำนวณรอบใหม่ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 28 พ.ค.62
  • JMT (เคทีบี) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 16 บาท แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะเห็นกำไรปรับตัวดีขึ้นตามลำดับรายไตรมาส ขณะนี้บริษัทเตรียมตัดมูลค่าเงินลงทุนของกองหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ครบในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งจะทำให้ไม่มีต้นทุน สามารถรับรู้กำไรได้ 100% นอกจากนี้ธุรกิจประกันจะปรับตัวดีขึ้นและมีโอกาสที่จะกลับสำรองจากการรับประกันภัยที่ตั้งไว้ใน Q4/61 สนับสนุนผลประกอบการไตรมาส 2 เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้มีพอร์ตบริหารหนี้รวม ณ สิ้น Q1/62 อยู่ที่ 146,245 ล้านบาท บริษัทวางเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท เพื่อซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง และ Q1/62 มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24%yoy และ 10%qoq จากรายได้การรับจ้างตามหนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยปีนี้มีหนี้ที่ต้องเร่งเก็บ 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันราคาหุ้นเทรด PE ปีนี้ 22 เท่า ไม่แพงเพราะยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีในอดีต และเป็นหุ้น Growth Stock

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ