หุ้น JMT ราคาขยับขึ้น 1.96% มาอยู่ที่ 15.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 41.48 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.39 น. โดยเปิดตลาดที่ 15.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 15.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 15.30 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท ยังคงมุมมองบวกต่อ JMT ในช่วงที่เหลือของปี ตามแนวโน้มกำไรที่คาดขยายตัวแบบไตรมาส-ไตรมาส (1Q<2Q<3Q<4Q) ธุรกิจบริหารหนี้ยังสร้างกระแสเงินสดที่เก็บได้ในแต่ละปีได้อย่างดีเยี่ยมที่คาดไหลเข้าเกือบ 3 พันล้านบาทในปีนี้ +25%YoY หากจ่ายปันผลเท่ากับปีก่อน มีโอกาสเห็นการปันผลที่สูงระดับ 4.5%
หลังบริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/62 ที่ 145 ล้านบาท +10%QoQ,+25%YoY ทำ All-time high รายไตรมาสตามนัด บนรายได้ 547 ลบ. +37%YoY ตามยอด Cash collected ที่ 708 ล้านบาท สูสีไตรมาส 4/61 ที่เป็น High season ขณะ core GPM ทรงตัวสูงที่ 61.2% แม้งวดนี้จะมีบันทึกขาดทุนธุรกิจประกัน -3 ล้านบาท แต่เริ่มเห็นทิศทางบวกของ Loss ratio ที่ลดลงอย่างมาก หลังการปรับ product mix ที่ทำกำไรมากขึ้น โดยเฉพาะฝั่ง non-motor ประเมินไตรมาส 2/62 เป็นอีกไตรมาสที่ดีของ JMT จากยอดเก็บหนี้ไตรมาส 2 ทำได้ตามเป้า บางกองที่ซื้อตั้งแต่ปี 2558-2560 จะเร่งตัดต้นทุนให้หมด (Fully amortized) และพร้อมบันทึกกำไรได้ทันที และการพลิกมีกำไรของธุรกิจประกัน ลุ้นการทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการเติบโตบนพอร์ตหนี้สิ้นงวดที่ 1.46 แสนล้านบาท +17%YoY ยังมีกองหนี้ใหม่ที่อยู่ระหว่างปิดดีลซื้อเพิ่มมูลค่าหนี้ระดับหลายพัน-หมื่นล้านบาท (ราว 25-50% จากที่คาดทั้งปีลงทุน +2 หมื่นล้านบาท) และเมื่อรวมกับกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมดข้างต้นในช่วงปลายไตรมาส 2/62 จะเป็นแรงหนุนกำไรเร่งต่อช่วง H2/62 โดยยังคงเป้ากำไรปี 2562 ที่ 655 ล้านบาท +30%YoY นอกจากนี้ ประเมินในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปรับใช้ TFRS9 ปีหน้า ส่งผลให้ธนาคารจะเร่งขาย NPL ออกในช่วงปลายปี อาจเห็นการเติบโตของพอร์ตหนี้ในช่วงปลายไตรมาส 3-4 อย่างก้าวกระโดดมากกว่าที่คาด และเป็น Upside risk ต่อประมาณการปี 2563