บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ขยายฐานการเติบโตจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าไปยังระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยตั้งเป้าตั้งเป้าลงทุนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในปี 66 อยู่ที่ประมาณ 20% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด เพื่อรองรับโอกาสการลงทุนภายในประเทศจากแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานและการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยบริษัทฯ ยังคงกำหนดให้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าเป็นธุรกิจหลัก
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจในศักยภาพและมีความพร้อมที่จะลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มกิจการของบริษัทให้บรรลุเป้าหมายที่ 2 แสนล้านบาทในปี 66
"นับจากปีนี้การลงทุนของบริษัทจะมุ่งไปที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นสำคัญ โดยโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจในประเทศไทยมีมากขึ้นจากแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงเชื่อมโลกของยุทธศาสตร์ชาติ แผนการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนและส่งเสริมการลงทุนโครงการสร้างพื้นฐานและระบบการจัดการที่เสริมความมั่นคงของระบบพลังงงาน รวมทั้งแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า พ.ศ.2561-2580 "นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ RATCH กล่าว
นายกิจจา กล่าวถึงแผนการลงทุนในปี 62 คาดว่าจะมีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และขนาดเล็กในไทย 2 โครงการ และมีอีก 6 โครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษารายละอียดและเจรจาการร่วมทุนกับพันธมิตรในต่างประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย สปป.ลาว และ เวียดนาม
ในปี 62 บริษัทฯมีโรงไฟ้า 3 แห่งที่จะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้ กำลังผลิตติดตั้งตามการถือหุ้นรวม 179.73 เมกะวัตต์(MW) ประกอบด้วยโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คอลลินส์วิลล์ ออสเตรเลีย โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเซเปียน เซน้ำน้อยในสปป.ลาว ส่วนโครงการที่อยุ่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 โครงการรวม 488.79 เมกะวัตต์