ก.ล.ต.-ป.ป.ง.ร่วมศึกษาเพิ่มข้อกม.ฟอกเงินเอาผิดผู้บริหาร บจ.คุมปั่นหุ้น,ครอบคลุมธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 23, 2019 15:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ล.ต.เข้ารือกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นการกระทำผิดในตลาดทุน โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันเพื่อปรับปรุงและแก้ไขรายละเอียดของบันทึกความร่วมมือฉบับใหม่ (MOU) คาดว่ามีความชัดเจนภายในเดือน มิ.ย.นี้

สำหรับ MOU ฉบับใหม่จะมีการเพิ่มรายละเอียดการบังคับใช้กฎหมายการฟอกเงินของ ปปง.ให้ครอบคลุมธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากที่ทางสำนักงาน ก.ล.ต.มีหน้าที่กำกับดูแลตามกรอบกฎหมาย พ.ร.ก.ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีผลบังคับใช้ในปีที่ผ่านมา รวมถึงให้ครอบคลุมการทำธุรกรรมระดมทุนในรูปแบบของคราวด์ฟันดิง (Crowdfunding) อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการประสานงานร่วมกันเกี่ยวข้องกับการจัดทำฐานข้อมูล โดยใช้ระบบเทคโนโลยีเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการแสดงตัวตน (E-KYC) และเชิญตัวแทนจาก ปปง. เข้ามาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ถือเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า แผนความร่วมมือกับ ปปง.ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะมุ่งเน้นดูแลผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการให้ความรู้กับภาคประชาชนเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลายรายนิยมระดมทุนด้วยการออก Digital Token ดังนั้นจะร่วมมือกับเครือข่ายต่างๆของ ปปง. ที่มีทั่วประเทศ เพื่อเป็นการนำความรู้ให้เข้าถึงภาคประชาชนอย่างทั่วถึง เช่นการจัดทำโครงการให้ความรู้ในพื้นที่ต่างจังหวัด พร้อมกับตรวจสอบว่า Digital Token ต่างๆที่ผู้ลงทุนเข้าไปลงทุนนั้นเป็นไปตามกฎมายและเข้าข่ายหลอกลวงรูปแบบแชร์ลูกโซ่หรือไม่

ส่วนความร่วมมือเกี่ยวกับกระบวนการบังคับใช้กฎหมายกรณีดำเนินคดีผู้บริหารจดทะเบียนกระทำผิด เข้าข่ายปั่นหุ้นหรือหาผลประโยชน์จากตลาดทุนโดยทำให้ผู้ลงทุนทั่วไปหรือผู้ถือหุ้นเกิดความเสียหาย ปัจจุบันทั้ง 2 หน่วยงานอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มข้อกฎหมาย หรือแก้ไขกฎหมายให้อำนาจ ปปง.สามารถดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินได้ทันที เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวและเกิดความรวดเร็วในการดำเนินคดี เพราะที่ผ่านมามีบางกรณีใช้ระยะเวลานาน ทำให้หลักฐานหรือทรัพย์สินมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้มีความยากในการดำเนินคดี

"ปัจจุบันเราเชิญตัวแทนของทั้ง 2 หน่วยงานทั้ง DSI และ ปปง.มาเป็นที่ปรึกษาพิเศษเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมาย ถือเป็นโมเดลการบังคับใช้กฎหมายรูปแบบใหม่ มุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทุกๆมิติ"นางสาวรื่นวดี กล่าว

พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง.เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ปปง.ได้ทำงานร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต.มาโดยตลอด ส่วนความร่วมมือครั้งนี้จะมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลให้รวดเร็วขึ้น การบังคับใช้กฎหมายฟอกเงินให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในกรณีที่เกี่ยวกับตลาดทุน เช่น กรณีปั่นหุ้น หรือการใช้ตลาดทุนเอื้อประโยชน์กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำให้ผู้ลงทุนเสียหายเป็นวงกว้าง รวมถึงธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งความร่วมมือกันของทั้ง 3 หน่วยงานดูแลด้านกฎหมายทั้ง DSI,ปปง.และ สำนักงาน ก.ล.ต. จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นได้ดีให้กับตลาดทุนไทย

นางสาวรื่นวดี กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต.อยู่ระหว่างศึกษาจัดทำหลักเกณฑ์ใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SME) สามารถใช้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนได้มากขึ้น โดยในกลางเดือน มิ.ย.นี้เตรียมเข้าหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม,กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย,สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,สภาหอการค้าไทย ,และสถาบันการเงินภาครัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ,ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ