นายนิติธร ดีอำไพ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-การเงิน บมจ.ช ทวี (CHO) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/62 ผลประกอบการจะต่ำกว่าช่วงไตรมาส 1/62 หลังจะรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) ให้กับองค์กรขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) น้อยกว่า เนื่องจากได้มีการส่งมอบครบทั้งหมดแล้วในไตรมาสแรก แต่ยังมีรายได้คงค้างส่วนน้อยที่จะมารับรู้ในช่วงไตรมาส 2 แต่ทั้งปี 62 บริษัทยังคงมั่นใจรายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.29 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ราว 2.97 พันล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 487 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานใหม่ ซึ่งจะเป็นงานที่กลับมาสู่งานหลักคือ รถลำเลียงอาหารสำหรับเครื่องบิน จากสายการบินต่าง ๆ โดยเฉพาะสายการบินต่างประเทศ มูลค่าราว 250 ล้านบาท โดยคาดว่ารู้ผลในช่วงไตรมาส 3/62
นอกจากนี้ บริษัทจะเข้าประมูลงานเช่ารถโดยสารใหม่ของ ขสมก.จำนวน 700 คัน แบ่งเป็น รถ NGV จำนวน 300 คัน และรถไฮบริด 400 คัน คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ในช่วงกลางปีนี้ โดยบริษัทจะเข้าประมูลร่วมกับบมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) ซึ่งบริษัทถือว่ามีความพร้อมทางด้านแหล่งเงินลงทุน เนื่องจากมีสถาบันการเงินในต่างประเทศพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนดังกล่าวแล้ว
"ในไตรมาส 2/62 ภาพรวมคงชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 เพราะการรับรู้รายได้จากรถเมล์ NGV ที่ลดลง แต่อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการก็ยังคงดีต่อเนื่อง เพราะมีงานใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาอีกมาก ซึ่งทางบริษัทก็เดินหน้าประมูลงานใหม่ ๆ เข้ามา โดยจะเริ่มจากรถลำเลียงอาหารสำหรับเครื่องบินที่มีสายการบินจากต่างประเทศติดต่อเข้ามา และหากได้ข้อสรุปในไตรมาส 3/62 นี้ ก็จะมีงานให้เราเพิ่มอีก ส่วนโครงการของ ขสมก. คงต้องรอการเมืองชัดเจนจึงจะรู้ว่าจะเปิดประมูลอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เราก็เตรียมความพร้อมไว้แล้ว"นายนิติธร กล่าว
สำหรับทิศทางอัตรากำไรสุทธิปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหลังจากในช่วงไตรมาส 1/62 ที่ผ่านมาสามารถทำได้ที่ 4.92% สูงกว่าปีก่อน 1.99% โดยบริษัทเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และธุรกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ปีก่อน ๆ ได้รับผลกระทบจากการรอเข้าลงทุนในโครงการรถ NGV
ด้านนายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHO เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากในไตรมาส 2/62 จะรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถNGV ให้ ขสมก.ในส่วนที่เหลือ ซึ่งในเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับเงินค่ารถครบตามสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทก็จะมีรายได้จากค่าซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV รุ่นใหม่ ซึ่งจะรับรู้ระยะยาว 10 ปี น่าจะช่วยสนับสนุนให้มีรายได้เติบโตสม่ำเสมอ
"ตอนนี้บริษัทกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยมีผลประกอบการดีขึ้น ขณะที่ฐานะการเงินจะแข็งแกร่งมากขึ้นเห็นได้จากผลประกอบการงวดไตรมาส 1/62 ออกมามีกำไรเพิ่มขึ้น 18% แตะระดับ 40 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับกำไรปี 61 ทั้งปีมีกำไรสุทธิเกือบ 46 ล้านบาท และยังมี EBTIDA เพิ่มขึ้น 35% สะท้อนให้เห็นว่ามีเงินสดในมือเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ จึงเป็นโอกาสที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนปีนี้ลดลงจากปีก่อน"
นายสุรเดช กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขยายศูนย์ซ่อมบำรุง "สิบล้อ 24 ชม." โดยปีนี้คาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 2 แห่ง จากปัจจุบัน มีจำนวน 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง และมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่ดีอีกด้วย