นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ผู้อำนวยการอาวุโส-สายงานบัญชีและภาษี สายการเงิน สายงานนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายในช่วงไตรมาส 2/62 จะสูงกว่าช่วงไตรมาส 1/62 ที่มียอดขายอยู่ 128 ไร่ โดยมองว่าได้รับผลดีจากสงครามทางการค้าระหว่างประเทศจีน และประเทศสหรัฐ ที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการจากประเทศจีนย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น จากเดิมที่รัฐบาลจีนก็ได้มีการสนับสนุนการขยายกิจการในต่างประเทศอยู่แล้ว
สำหรับภาพรวมทั้งปีบริษัทยังคงมั่นใจว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,075 ไร่ จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 863 ไร่ แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยังไม่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าประเทศไทยยังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนต่างชาติ และยังมีการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มองว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่นอนเพราะมีกฎหมายต่าง ๆ ออกมาชัดเจนแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีการพูดคุยกับลูกค้าอยู่เป็นจำนวน 600-800 ไร่ ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และอีก 125 ไร่ จะมาจากการขายที่ดินในเวียดนาม
ขณะที่ยอดขายรอโอน (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ราว 3,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รรายได้ในปีนี้ราว 60-70% จากมูลค่ารวม Backlog ที่มีทั้งหมด โดย Backlog มาจากในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเต็มปี หลังจากได้จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบในปีที่ผ่านมา ทำให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 260 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีความต้องการที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่ารายได้ประจำจะเติบโตอยู่ที่ 5-8% จากการลงทุนด้านสาธารณูปโภคเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงหากเกิดสถานการณ์การขายที่ดินไม่สูงมากนัก ซึ่งคาดว่าสัดส่วนรายได้จากรายได้ประจำจะมากกว่า 60%
ส่วนการความคืบหน้าโครงการขยายโครงการ(Project Feasibility Study)ในการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมในเมียนมาและลาว โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อยเรียบร้อยแล้วได้แก่ Amata Asia (Myanmar) Limited เพื่อลงทุนในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และนิคมอุตสาหกรรมในเขตย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และบริษัท อมตะ ซิตี้ ลาว จำกัด ในสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้