นายสนั่น เอกแสงกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. อีซึ่น เพ้นท์ (EASON) คาดว่า รายได้ในปี 2550 จะเติบโตได้ประมาณ 6-7% และบริษัทจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดสีพ่นรถจักรยานยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 60% เอาไว้ได้ รวมทั้งมีเป้าหมายจะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้มากขึ้น
สำหรับทิศทางการขยายธุรกิจในปี 51 บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มที่บริษัทมีความชำนาญ ควบคู่ไปกับการขยายตลาดในประเทศ หลังจากพบว่าตลาดในประเทศยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้สินค้าในหลายอุตสาหกรรมไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ หรือเติบโตในอัตราที่ลดต่ำลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงกับการพึ่งพาตลาดในประเทศเป็นส่วนใหญ่ บริษัทจึงได้ปรับแผนธุรกิจหันไปขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งศักยภาพการเติบโตค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นประเทศเปิดใหม่ และบริษัทเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจอยู่แล้วเป็นอย่างดี
"ปีนี้คงจะเห็น EASON เข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านชัดเจนขึ้น เพราะเป็นตลาดเปิดใหม่ที่ศักยภาพในการเติบโตสูง ประกอบกับเรามีความพร้อมอยู่แล้วเป็นอย่างดีทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจ รวมทั้งโนว์ฮาว (Know-how )ระดับโลก ซึ่งสินค้าที่จะนำเข้าไปเปิดตลาดในช่วงแรกก็คงเป็นกลุ่มที่เราเชี่ยวชาญอยู่แล้วเป็นอย่างดีก่อน และเชื่อว่ามุ่งขยายธุรกิจในประเทศอย่างต่อเนื่อง และการเปิดตลาดออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจังมากขึ้น จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยคาดว่าอัตราการเติบโตจะไม่ต่ำกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำรายหลักให้กับบริษัทในปัจจุบัน" นายสนั่น กล่าว
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการลงทุนในประเทศเวียดนามแล้ว ด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทอุไรพาณิชย์ ประกอบกิจการผลิตและจัดจำหน่ายสีอุตสาหกรรม ได้แก่ สีพ่นรถจักรยานยนต์ สีเคลือบบรรจุภัณฑ์ และ หมึกพิมพ์ ที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยบริษัทร่วมทุนใหม่จะมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้นไม่เกิน 2 ล้านดอลลาร์ EASON จะลงทุนไม่เกิน 1.4 ล้านดอลลาร์ หรือ สัดส่วนการลงทุนไม่เกินร้อยละ 70 ส่วนกลุ่มบริษัทอุไรพาณิชย์ จะลงทุนไม่เกิน 0.6 ล้านดอลลาร์ หรือ สัดส่วนการลงทุนไม่เกินร้อยละ 30 ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของ EASON ที่จะขยายตลาดออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเต็มตัวในอนาคต
สำหรับตลาดในประเทศ เชื่อว่าในปี 2551 สถานการณ์ทางธุรกิจมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาได้ หากการเมืองมีความชัดเจน และการจัดตั้งรัฐบาลผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนนำไปสู่การขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมองว่าในปีนี้ ธุรกิจสีที่ใช้ในรถจักรยานยนต์-รถยนต์ มีโอกาสเติบโตได้ประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ส่วนธุรกิจสีบรรจุภัณฑ์จะเติบโตไม่น้อยกว่า10% ซึ่งบริษัทได้เตรียมพร้อมรองรับโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการมุ่งเพิ่มชนิดของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มใหม่หรือกลุ่มเดิมที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี เร่งออกสินค้าใหม่ๆ ให้ทันการใช้งานกับสินค้ารุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกตัวสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และประการสำคัญจะเน้นการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร นอกเหนือจากการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาสินค้า, พัฒนาบุคลากร รวมทั้งโครงการลดต้นทุนของลูกค้าแต่ละราย
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--