นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 1.4 แสนล้านบาท จากธุรกิจน้ำมันซึ่งเป็นธุรกิจหลักและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (Non-Oil) มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในด้านค่าการตลาดปรับตัวดีขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้นก็จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานโดยรวม
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/62 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากปริมาณขายน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่ามีโอกาสน้อยที่จะเห็นราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในภาพรวมยังไม่มากนัก จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลก ซึ่งยังต้องติดตามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนปี 62 ไว้ราว 4-5 พันล้านบาท แบ่งเป็น เงินลงทุนขยายธุรกิจใหม่ตามแผนราว 500 ล้านบาท, การขยายธุรกิจ Non-Oil ราว 500 ล้านบาท และใช้สำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ราว 2.5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้สำหรับรองรับการปรับปรุงธุรกิจหลัก และบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนใหม่ ๆ ในอีกหลายธุรกิจ ซึ่งได้มีการเจรจากับพันธมิตรในประเทศไปบ้างแล้ว
นายพิทักษ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตลาดน้ำมันหล่อลื่นในไทยถือว่าเป็นตลาดใหญ่อันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย ซึ่งมีมูลค่าการสั่งซื้ออยู่ราว 650 ล้านลิตร/ปี โดยมีอัตราการเติบโตปีละ 3-4% ประกอบไปด้วย ตลาดน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ภาคขนส่งและโรงงานอุตสาหกรรม
บริษัทตั้งเป้ายอดขายน้ำมันหล่อลื่น "พีที แมกซ์นิตรอน" ในปี 62 ทั้งประเทศอยู่ที่ระดับ 5 ล้านลิตร ด้วยการทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ตราสินค้าร่วมกับคู่ค้า, สนับสนุนกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต, ขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ หลังยอดขายในปี 61 มีการเติบโตขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดีบริษัทมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และผลักดันให้ก้าวขึ้นเป็นน้ำมันเครื่องอันดับหนึ่งในใจคนไทยทั่วประเทศ
และเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพและสมรรถนะระดับโลกของน้ำมันหล่อลื่น "พีที แมกซ์นิตรอน" บริษัทจึงเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีม PT Maxnitron Motorsport หลังจากการเฟ้นหานักแข่งที่มีความสามารถจนกระทั่งได้พบกับ นายศิลป์ ธีรนิติ ที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในสนามแข่งระดับประเทศในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า "พีที แมกซ์นิตรอน" สามารถตอบสนองทุกความต้องการของเครื่องยนต์ในทุกสภาวะการใช้งานแม้กระทั่งในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต
นอกจากนี้บริษัทมีความมุ่งมันที่จะสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ตให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย รวมถึงยกระดับวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากลอย่างเต็มภาคภูมิ จึงได้มีการริเริ่มจัดแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ PT Maxnitron Super Challenge 2018 ขึ้นในปีที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมการแข่งขันในวงการกีฬาความเร็วในเมืองไทยและการพัฒนาบุคลากรในวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งสามารถทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม
ด้านนายศิลป์ ธีรนิติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 63 โปรเจค กล่าวว่า ในการจัดการแข่งขัน PT Maxnitron Super Challenge ในปี 61 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทีมนักแข่งแนวหน้าระดับประเทศที่ต้องการเข้าร่วมมากกว่า 200 คัน จึงเป็นที่มาของการพัฒนาการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้นจนออกมาเป็นรายการ PT Maxnitron Racing Series 2019 ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันที่มีเงินรางวัลสูงสุดในตอนนี้ และ ได้มีการยกระดับมาตรฐานการจัดการแข่งขัน รวมถึงการรักษาความปลอดภัยขึ้นไปอยู่ในระดับสากล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนับสนุนและพัฒนาทีมงาน ตั้งแต่ทีมช่าง สตาฟฟ์ ไปจนถึงการสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ เพื่อให้มีพร้อมทั้งความรู้และความสามารถเพื่อเข้าแข่งในระดับนานาชาติ
รายการ PT Maxnitron Racing Series 2019 จะจัดขึ้น ณ สนามพีระ อินเตอร์แนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี โดยแบ่งออกเป็น 6 races ใน 3 สนาม สนามที่ 1 วันที่ 27-28 กรกฎาคม 2562 สนามที่ 2 วันที่ 14-15 กันยายน 2562 และ ปิดท้ายสนามที่ 3 วันที่ 9-10 พฤศจิกายน 2562