นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.บิวเดอร์สมาร์ท (BSM) บริษัทจัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งภายใน กล่าวกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ในปี 50 บริษัทมีรายได้ 340 ล้านบาทสูงกว่าประมาณการไว้ที่ 320 ล้านบาท และกำไรสุทธิ คาดว่าจะมีประมาณ 13 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 49 เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์พิเศษเพิ่มเข้ามา 7-8 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อกำไร
อย่างไรก็ตาม ในปี 51 คาดว่ากำไรสุทธิจะสูงกว่าปี 50 และรายได้จะโตมากกว่า 20% จากปี 50 โดยในไตรมาส 1/51 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท โต 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากงานตกแต่งภายใน ร.พ.บำรุงราษฎร์ (BH) และ โครงการคอนโดมิเนียมของบมจ.ศุภาลัย (SPALI)
"เรามั่นใจว่าปี 51 รายได้จะโตมากกว่า 20% และอาจได้เห็นถึง 30% แต่ต้องรอดูไตรมาส 3 และ 4 เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยอดขายเติบโตดีกว่าไตรมาส 1 และ 2" นายสัญชัยกล่าว
นอกจากนี้ในปี 51 รายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเท่าตัว จากปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 5 ล้านบาท เพราะบริษัทเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในอินเดีย ซึ่งมองว่ามีโอกาสเติบโตสูง รวมทั้งอยู่ระหว่างการศึกษาการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะพิจารณาอย่างรอบคอบ
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในปี 51 จะเพิ่มเป็น 25% จาก 20% ในปี 50 เป็นเพราะบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นตราสินค้าของตัวเอง โดยบริษัทได้ว่าจ้างผลิต ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าการเป็นตัวแทนจำหน่ายในปัจจุบัน
สำหรับหุ้น IPO ที่จะเข้าซื้อขายในวันที่ 14 ก.พ.นี้ นายสัญชัย กล่าวมั่นใจว่าราคาหุ้น BSM ปิดตลาดในวันแรกที่เข้าเทรดจะสูงกว่าราคาจองที่ 1.10 บาท/หุ้น เพราะบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีอัตราการเติบโตของรายได้ในระดับสูง และ ในช่วงจองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ.นี้ ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจำนวนมาก และน่าจะปิดการขายหุ้น IPO จำนวน 50 ล้านหุ้นได้ตั้งแต่วันนี้
"เท่าที่ทราบเบื้องต้น หุ้น IPO เรามีความต้องการสูง มีการจองเกินกว่าที่เราออกขายถึง 4-5 เท่า และมีหลายคนบ่นว่า หุ้นที่กระจายออกขายน้อยเกินไป ดังนั้น เชื่อว่าวันเข้าซื้อขายจะมีผู้ที่สนใจเข้ามาซื้อหุ้นของเราในตลาด" นายสัญชัย กล่าว
ทั้งนี้ ราคาจองซื้อหุ้น BSM ที่ 1.10 บาท เป็นราคาให้ส่วนลงทุนกับผู้ลงทุน 30% จากราคา Fair Value
นายสัญชัย กล่าวว่า เงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO จำนวน 55 ล้านบาทจะนำไปทำการตลาดสินค้าแบรนด์ใหม่ชื่อ"FLETCHER" ซึ่งเป็นชื่อระบบประตูหน้าต่าง รวมทั้ง จะนำมาพัฒนาตลาดพรม และจะสร้างสาขาเพื่อเป็นคลังสินค้าอีก 1-2 แห่ง ในปี 51 โดยลงทุนสาขาละประมาณ 20 ล้านบาท โดยพื้นที่ที่บริษัทเล็งไว้ได้แก่ ถ.บางนา-ตราด, มีนบุรี และในอนาคตจะขยายให้ครอบคลุม 4 มุมเมืองเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า โดยคาดว่าจะเริ่มสร้างเริ่มโครงการแรกในไตรมาส 3/51
ส่วนกลยุทธ์การตลาดคาดว่าปีนี้จะใช้เงินประมาณ 3 ล้านบาทในการทำการตลาดโดยเป็นการขายตรง กับกลุ่มลูกค้าโครงการที่อยู่อาศัย และ ผู้รับเหมาออกแบบ โดยจะสร้างทีมขายที่เข้าถึงลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมี 12คน จะเพิ่มอีก 3-5 คนเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยคาดว่าจะขยายฐานลูกค้าใหม่ จากปัจจุบัน มีกลุ่มลูกค้า อาทิ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) บมจ.แสนสิริ (SIR) บมจ.ไรมอนแลนด์ I (RAIMON) บมจ.ศุภาลัย (SPALI) นอกจากนั้นเป็นกลุ่มโรงพยาบาล ที่จะปรับปรุงและตกแต่ง ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาอยู่ 2-3 ดีล
สำหรับการจ่ายเงินปันผล บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผล ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในปี 50 ยังไม่สรุปว่าจะจ่ายปันผลได้หรือไม่
"ต้องดูอีกทีว่าจะมีการจ่ายปันผลหรือไม่ เพราะเราเพิ่งเข้าตลาดในปี 51 ดังนั้นการจ่ายปันผลอยากให้เป็นกำไรของงวดปี 51 ซึ่งเป็นปีที่เราเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว และบริษัทไม่ได้จ่ายเงินปันผลเพื่อจูงใจนักลงทุน แต่บริษัทมั่นใจพื้นฐาน " นายสัญชัย กล่าว
ทั้งนี้ หลังเข้าตลาด mai แล้ว โครงสร้างผูถือหุ้นใหญ่ BSM เปลี่ยนแปลง ได้แก่ นายสัญชัย เหลือถือหุ้น 40 ล้านหุ้น นายสุเรช เหลือ 40 ล้านหุ้น และ บลจ.วรรณเหลือ 20 ล้านหุ้น
นายสัญชัย กล่วาว่า โดยส่วนตัวจะไม่ขายหุ้นทำกำไร เพราะเชื่อมั่นในการเติบโตของบริษัท และบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องการบริษัทร่วมทุนหรือ พันธมิตรเข้ามา
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--