นางสาวออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/62 จากการรับรู้รายได้การจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เข้ามาครบ 664 เมกะวัตต์ (MW) หลังรับรู้กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน จ.ชัยภูมิ เข้ามาครบ 260 เมกะวัตต์ในไตรมาสนี้ ขณะที่รับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่องในโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหาดกังหัน 126 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 278 เมกะวัตต์ ส่งผลทำให้บริษัทจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 9 พันล้านบาท
นอกจากนี้ยังคาดว่าปริมาณการขายไบโอดีเซล (B100) เพิ่มขึ้นจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาที่ 8% จาก 2% ในปีที่แล้วยังช่วยหนุนผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทในไตรมาส 2/62 และทั้งปี 62 ที่จะผลักดันให้กำไรสุทธิดีกว่าระดับ 4,975 ล้านบาทในปีที่แล้ว โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้า 70% และธุรกิจจัดจำหน่ายไบโอดีเซล 30% และมีกำไรในสัดส่วน 75-80% และ 15-20% ตามลำดับ ขณะเดียวกันก็คาดว่าต้นทุนทางการเงินในปีนี้ลดลง โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยจะปรับตัวลดลงอีกประมาณ 1% จากเดิมอยู่ที่ 3.50% จากการได้รับปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็นระดับ "A" จากเดิม "A-" ทำให้การจัดหาเงินกู้จะมีต้นทุนการเงินลดลง
สำหรับแผนการลงทุนในปี 62-63 บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่โครงการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งอุตสาหกรรมไฟฟ้าพ่วงแบตเตอรี่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า ตลอดจนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 9,200 ล้านบาท ซึ่งเงินทุนจะมาจากทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และเงินกู้ยืมระยะยาว หรือการออกหุ้นกู้ตามที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติไว้ด้วยวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท โดยจะออกรอบแรกในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ประเภทกรีนบอนด์ ซึ่งจะเสนอขายให้กับนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ
ขณะเดียวกันได้วางงบลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าประเภทไฮบริด ที่ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่ด้วย โดยมีแผนที่จะลงทุนในเมียนมา และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้
นางสาวออมสิน กล่าวว่า ด้านธุรกิจการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5,000 คัน จากปัจจุบันทำได้แล้วราว 4,500 คัน โดยคาดว่าในปี 63 จะทยอยส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1 ได้ ส่วนการร่วมมือกับค่ายรถยนต์ MG พัฒนา Charging Network ในประเทศไทย คาดว่าในปีนี้จะขยายสถานีชาร์จได้ครบ 1,000 จุด จากปัจจุบันขยายไปแล้ว 500 จุด วางงบลงทุนไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจให้บริการเดินเรือไฟฟ้า บริษัทมีแผนประกอบเรือรวม 54 ลำ คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการได้ปลายปีนี้ โดยจะเปิดทดลองให้บริการในเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาในปลายเดือนก.ย.นี้ จำนวน 2 ลำ