(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นสิงคโปร์: วิตกศก.สหรัฐ ฉุดเตรทส์ไทม์ปิดลบ 38.66 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 5, 2008 18:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนซึมซับปัจจัยจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐระลอกใหม่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 0.9% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบต่ออัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ตลาดส่วนใหญ่ไม่ขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนธ.ค.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 2%
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปรับตัวลดลง 38.66 จุด หรือ 1.3% ปิดที่ 3,038.42 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 3,037.18 และ 3,070.44 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.6 พันล้านหุ้น มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
พรุ่งนี้ตลาดจะเปิดทำการครึ่งวัน และจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
นาจิบ จาร์ฮอม นักวิเคราะห์จากฟราเซอร์ ซิเคียวริตี้ส์กล่าวว่า หุ้นที่มีน้ำหนักในตลาดเคลื่อนตัวผันผวน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดยังคงไร้ทิศทาง อาทิ หุ้นเค็พเพล คอร์ป ยังคงปรับตัวลง แม้ว่าบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการและผลกำไรที่แข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนในระยะยาวได้ให้ความสนใจกับการซื้อขายหุ้นในระยะสั้นมากขึ้น โดยหุ้นเค็พเพล คอร์ป ลดลง 20 เซนต์
จาร์ฮอมกล่าวว่านักลงทุนในระยะยาวอาจยุติการซื้อหุ้นในช่วงวันจ่ายเงินปันผล เนื่องจากคาดการณ์ว่าตลาดอาจอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการเทขายหุ้นในช่วงระยะสั้นๆ
นอกจากนี้ เขายังแนะให้บรรดานักลงทุนและเทรดเดอร์ซื้อหุ้นเค็พเพล คอร์ป ในช่วงที่อ่อนตัว และคาดการณ์ว่าหุ้นเค็พเพลจะดีดตัวขึ้นมสู่ระดับ 11-12 ดอลลาร์ เมื่อถึงช่วงจ่ายเงินปันผล
"เราควรให้ความสำคัญกับการซื้อขายหุ้นกลุ่มบลูชิป แม้ว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากก็ตาม" จาร์ฮอมกล่าว
หุ้นสิงคโปร์ เทเลคอม (สิงเทล) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยผลกำไรสุทธิในเดือนต.ค.-ธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 21.7% แตะ 931 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า สิงเทลจะรายงานตัวเลขผลกำไรสุทธิก่อนหักภาษีที่ 894-935 ล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลง โดยหุ้นดีบีเอส กรุ๊ป ร่วงลง 38 เซนต์ หุ้นธนาคารยูโอบี ลดลง 38 เซนต์ และหุ้นโอซีบีซี ลดลง 8 เซนต์
ส่วนหุ้นกลุ่มบลูชิปนั้น หุ้นสิงคโปร์ เพรส โฮลดิ้งส์ ลดลง 7 เซนต์หุ้นสิงคโปร์ เทคโนโลยีส์ เอ็นจิเนียริ่ง ลดลง 12 เซนต์
ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยหุ้นแคปิตอลแลนด์ ลดลง 5 เซนต์ และหุ้นเค็พเพล แลนด์ ลดลง 14 เซนต์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ