นางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด (ASIAN) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 63 ว่าบริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 13,200 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 12-15% โดยจะได้รับแรงหนุนจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่จะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 42% หรือราว 5,500 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดจะมีสัดส่วนรายอยู่ที่ 31% หรือราว 4,000 ล้านบาท
สำหรับสัดส่วนรายได้ในปี 63 จะมาจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 42% อาหารแช่แข็ง 30% อาหารสัตว์น้ำ 11% ธุรกิจจัดจำหน่าย 5% และอาหารแปลรูปจากปลาทูน่า 12% จากปีนี้มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 31% อาหารแช่แข็ง 40% อาหารสัตว์น้ำ 10% ธุรกิจจัดจำหน่าย 6% และอาหารแปลรูปจากปลาทูน่า 13%
"ปี 63 รายได้เราจะเติบโตได้แบบก้าวกระโดด โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก และบริษัทจะเน้นผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นด้วยโดยจะเห็นว่าธุรกิจอาหารแช่แข็งจะไม่ได้เติบโตแต่มาร์จิ้นของธุรกิจนี้จะสูงขึ้น โดยภาพรวมจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 12-15% จากเดิมอยู่ที่ 10-12%"นางสาววรัญรัชต์ กล่าว
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปี 62 นางสาววรัญรัชต์ กล่าวว่า ยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 10,700 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 10-12% จากการเติบโตของยอดขายในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งจากธุรกิจ OEM และแบรนด์มองชูที่จะรุกตลาดไทย-จีนเต็มที่ และธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง เน้นขยายตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มเพิ่มมูลค่าและเร่งผลักดันแบรนด์ใหม่เจาะตลาดภายในประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขและอาหารแมวระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์"มองชู"เข้าไปรุกตลาดประเทศจีนผ่านการดำเนินงานของบริษัท Thaiya Corporation (Shanghai) Co., Ltd. (บริษัทในเครือที่ บจก.เอเชี่ยน กรุ๊ป เซอร์วิส ถือหุ้น 100%) วางช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งทางระบบออนไลน์และช่องทางค้าปลีก ซึ่งเริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/62 ยังเชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้า โดยบริษัทจะเน้นการขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่จีนอย่างเข้มข้น เพื่อขยายตลาดและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำปรับตัวดีขึ้นจากการมุ่งมั่นพัฒนาสูตรการผลิต ในขณะที่ธุรกิจอาหารแช่แข็ง มองว่าธุรกิจจะทรงตัว จากการปรับกลยุทธ์ เข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าอย่างเต็มรูปแบบ ลดการผลิตสินค้ากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ สำหรับธุรกิจทูน่า ซึ่งในระยะ 2 ปีให้หลังให้ผลประกอบการที่น่าพอใจ
นอกจากนี้ Thaiya Corporation (Shanghai) Co., Ltd. จะเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญ 51% ของบริษัท Shangdong Thaiya Meisi Pet foods Co.,Ltd. ในประเทศจีน เพื่อดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดในประเทศจีน คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนราว 48 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/62 จากนั้น บริษัทจะให้บริการรับจ้างผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด (Dry Pet) โดยในปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 100 ล้านบาท และหลังจากเข้าควบคุมคุณภาพการผลิตแล้วเสร็จ คาดว่าในปี 63 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นราว 400-500 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเน้นการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Product) โดยในช่วงไตรมาส 2/62 นี้บริษัทเตรียมที่จะสรุปแผนการลงทุนเพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรในโรงงานให้สามารถผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ด้วยงบลงทุนราว 30 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 3/62