ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองในคดีหมายเลขดำที่ 757/2562 ระหว่าง กลุ่มกิจการค้าร่วมที่ประกอบด้วย บริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด, บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด, บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD), บมจ.ช.การช่าง (CK) และบริษัท โอเรียนท์ ซัคเซส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งฟ้องดำเนินคดีคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ผ
คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าฟ้องว่า"กลุ่มกิจการค้าร่วมบริษัท ธนโฮลดิ้ง จำกัด และ พันธมิตร" ได้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนกับรัฐในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ออกหลักฐานการยื่นซองข้อเสนอทั้งหมด ประกอบด้วย เอกสารซองที่ไม่ปิดผนึก เอกสารซองที่ 1 คุณสมบัติทั่วไป เอกสารซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ เอกสารซองที่ 3 ข้อเสนอด้านราคา และเอกสารซองที่ 4 ข้อเสนออื่น ๆ รวม 11 กล่อง และ กล่องสำเนา
แต่ต่อมากลับมีหนังสือแจ้งผลการยื่นข้อเสนอว่าคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติไม่รับข้อเสนอในส่วนของซองที่ 2 ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ กล่องที่ 6 และซองที่ 3 ข้อเสนอด้านราคา กล่องที่ 9 เนื่องจากเป็นเอกสารที่ยื่นภายหลังกำหนดเวลาการยื่นข้อเสนอ
ทั้งนี้ กลุ่มกิจการค้าร่วมฯ เห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนมติที่ไม่รับซองข้อเสนอดังกล่าว พร้อมทั้งมีคำขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาให้ศาลมีคำสั่งให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ รับซองข้อเสนอไว้พิจารณาตามขั้นตอนการคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนต่อไป
ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำขอของกลุ่มกิจการค้าร่วมฯ ให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ซึ่งศาลจะมีคำสั่งกำหนดมาตรการทุเลาการบังคับได้เมื่อมีองค์ประกอบครบทั้งสามประการ คือ 1. กฎหรือคำสั่งทางปกครองที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนั้นน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2. การให้กฎหรือคำสั่งทางปกครองดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง และ 3. การทุเลาการบังคับตามกฎหรือคำสั่งทางปกครองนั้นไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่การบริการสาธารณะ ตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ประกอบข้อ 72 วรรคสาม แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
โดยมีปัญหาที่ต้องพิจารณาในประการแรกว่า มติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่ไม่รับซองข้อเสนอบางส่วนไว้พิจารณา น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยที่เอกสารการคัดเลือกเอกชนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ข้อ 31 กำหนดว่ากองทัพเรือจะเปิดให้มีการรับซองข้อเสนอในวันที่ 21 มีนาคม 2562 เวลา 9.00 น.และปิดการรับซองในวันเดียวกัน เวลา 15.00 น.และ กำหนดว่าคณะกรรมการคัดเลือกฯจะไม่รับซองเอกสารข้อเสนอที่ยื่นภายหลังกำหนดเวลาดังกล่าว
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า กลุ่มกิจการค้าร่วมฯ ได้ไปยังสถานที่รับซองข้อเสนอและลงทะเบียนก่อนเวลา 15.00 น.แต่การลงทะเบียนดังกล่าวเป็นเพียงการแจ้งในเบื้องต้นว่าได้ไปถึงสถานที่รับซองข้อเสนอและประสงค์ยื่นข้อเสนอเท่านั้น โดยการรับข้อเสนอจะครบถ้วนตามขั้นตอนก็เมื่อผู้ยื่นข้อเสนอได้ส่งมอบซองข้อเสนอและกล่องเอกสารให้แก่เจ้าหน้าที่ก่อนเวลา 15.00 น.ซึ่งกลุ่มกิจการค้าร่วมฯ ชี้แจงในชั้นไต่สวนว่าได้ยื่นส่งเอกสารกล่องที่ 6 กับกล่องที่ 9 เกินเวลาปิดรับซอง โดยแสดงพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายบุคคลยกกล่องเอกสารดังกล่าวไปถึงจุดลงทะเบียนในเวลาประมาณ 15.09 น.
และยอมรับตามคำแถลงชี้แจงเพิ่มเติมว่า เอกสารข้อเสนอของผู้ฟ้องคดีทั้งห้า กล่องที่ 6 และกล่องที่ 9 ไปถึงห้องรับรองชาวต่างประเทศ กองบัญชาการกองทัพเรือ ในเวลา 15.08 น. เหตุที่ล่าช้าเนื่องจากในวันดังกล่าวการจราจรติดขัดมาก ข้อเท็จจริงในชั้นนี้เป็นอันรับฟังได้ว่าเอกสารข้อเสนอ กล่องที่ 6 และกล่องที่ 9 ไปถึงสถานที่รับซองข้อเสนอภายหลังกำหนดเวลาปิดรับซองข้อเสนอ ดังนั้น การที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติไม่รับซองข้อเสนอดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งที่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนการที่กลุ่มกิจการค้าร่วมฯ อ้างว่าคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่ได้ถือเอากำหนดเวลายื่นและรับซองข้อเสนอเป็นสาระสำคัญและได้ขยายระยะเวลาการรับซองข้อเสนอโดยปริยายนั้น ประเด็นดังกล่าวเป็นข้อโต้แย้งที่ศาลจะต้องพิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเพื่อวินิจฉัยในเนื้อหาคดีต่อไป
เมื่อในชั้นนี้ยังรับฟังไม่ได้ว่าคำสั่งพิพาทน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว กรณีก็ไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไขแห่งการมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาประการอื่นอีกต่อไป เนื่องจากถึงอย่างไรก็ตามก็ไม่ครบองค์ประกอบแห่งเงื่อนไขทั้งสามประการที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้ทุเลาการมีผลของคำสั่งไม่รับซองข้อเสนอบางส่วนของผู้ถูกฟ้องคดี ตามหนังสือสำนักงานบริหารเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของกองทัพเรือ ด่วนมากที่ กพอ.ทร.182/2562 ลงวันที่ 10 เมษายน 2562 ตามคำขอของกลุ่มกิจการค้าร่วมฯ จึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง