นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและการขาย บมจ.ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ (SORKON) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ "ส.สแน็ค" มุ่งเจาะตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ หลังตลาดมีอัตราการเติบโตที่ดีจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ แต่ยังคงชอบทานขนมขบเคี้ยว โดยมีเป้าหมายจะวางแบรนด์ให้เป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผสมแป้ง ใช้วัตถุดิบจากเนื้ออกไก่ 100% และไขมันต่ำ เปิดโอกาสให้บริษัทสามารถเจาะเข้าตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศมุสลิมได้อีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นจะมุ่งให้ความสำคัญในตลาดเอเชียและอาเซียน ก่อนจะขยายสู่ตลาดในภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยมองทุกประเทศในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน ยกเว้น จีน คาดจะเริ่มส่งผลิตภัณฑ์เข้าไปในตลาดดังกล่าวได้ในปี 63 เป็นต้นไป แต่เบื้องต้นบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตในประเทศเป็นหลักก่อน เพื่อให้แบรนด์สินค้าติดตลาด ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างศึกษาการทำขนมขบเคี้ยวที่ผลิตจากปลา และปลาหมึก เป็นต้น ภายใต้แบรนด์ดังกล่าวอีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า บริษัทเตรียมที่จะปรับโฉมแพ็คเกจจิ้ง ผลิตภัณฑ์ของ ส.ขอนแก่น ทั้งหมด เพื่อให้มีความเป็นสแน็คและทันสมัยมากขึ้น เพื่อสร้างยอดขายของสินค้าให้เติบโต โดยก่อนหน้านี้บริษัทก็ได้มีการปรับรูปแบบการวางจำหน่ายของผลิตภัณฑ์บางผลิตภัณฑ์ให้มีความโดดเด่นมากขึ้น พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก จึงเชื่อมั่นว่าหากมีการปรับสินค้าใหม่ทั้งหมด จะช่วยสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญได้
"การออกแบรนด์ ส.สแน็ค นั้นเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรงในช่วง 2-3 ปีนี้ อีกทั้งยังเป็นการกระจายพอร์ตรายได้ของบริษัทให้มีสัดส่วนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงช่วยสร้างความรู้จักต่อลูกค้ากลุ่มใหม่ให้กับ ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ เพิ่มขึ้นด้วย"นายจรัญพจน์ กล่าว
ด้านนายจรัสภล รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่สายงาน QSR และ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสื่อสารการตลาด ของ SORKON กล่าวว่า บริษัทจะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผ่านร้านโมเดิร์นเทรดในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมทำการตลาดเพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการทดลองทานสินค้า โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ ซึ่งเป็นการต่อยอดขยายฐานลูกค้าของบริษัทเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคและจะทำยอดขายภายในปีนี้ได้ 30 ล้านบาท
ส่วนแผนงานในอนาคตนั้น วางเป้าหมายระยะยาวเป็นแบรนด์สินค้าที่สามารถทำรายได้จากตลาดต่างประเทศสูงกว่าตลาดในประเทศ ส่งผลดีต่อสัดส่วนยอดขายรวมของบริษัทในตลาดต่างประเทศจะปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 6-7%