นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down จากความไม่แน่นอนสงครามการค้า ที่ล่าสุดจีนได้ออกมาว่าสหรัฐฯเป็นผู้ก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ และสหรัฐฯก็ได้ไปเปิดศึกกับเม็กซิโก โดยจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก 5% เริ่ม 10 มิ.ย.นี้ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโกที่ข้ามพรมแดนเข้ามาในสหรัฐ
นอกจากนี้ เช้านี้ตัวเลข PMI ของจีนก็ออกมาติดลบแย่กว่าที่ตลาดคาด เพิ่มความกังวลด้านเศรษฐกิจอีก รวมทั้งราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงเกือบ 4% ทำให้ไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่ตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยวันนี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของไทย และสหรัฐฯ และในวันที่ 1 มิ.ย.จีนก็จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,618-1,614 จุด ส่วนแนวต้าน 1,628-1,632 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,169.88 จุด เพิ่มขึ้น 43.47 จุด (+0.17%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,567.72 จุด เพิ่มขึ้น 20.41 จุด (+0.27%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,788.86 จุด เพิ่มขึ้น 5.84 จุด (+0.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 157.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.31 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 111.92 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.13 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 9.77 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 28.45 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.26 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 36.22 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 พ.ค.62) 1,621.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด (+0.14%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,671.15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 พ.ค.62) ปิดที่ 56.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.22 ดอลลาร์ หรือ 3.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 พ.ค.62) ที่ 2.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.81 ทรงตัวจากวานนี้ จับตาเงินไหลเข้าหนุนบาทไม่อ่อนค่ามาก แม้ดอลล์แข็ง
- กระทรวงพาณิชย์ ออกประกาศ กกร. ให้แจ้งราคายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ ในบัญชีหลักกว่า 3,800 รายการ ฝ่าฝืนจำคุก 1 ปี มีผลบังคับใช้ทันที ขีดเส้น รพ.เอกชน แจ้งราคาซื้อขายภายใน 45 วัน
- กลุ่มประเทศจี 20 เล็งออกนโยบายภาษีใหม่ เก็บจากบริษัทดิจิทัลรายใหญ่ อย่างกูเกิล ตามประเทศที่ทำธุรกิจไม่ใช่ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในไทยระบุต้องเปิดโอกาสผู้ให้บริการโอทีทีร่วมหาแนวทางจัดเก็บไม่กระทบผู้ใช้งาน
- รฟท.แจงรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 เจรจาและศึกษารูปแบบไม่เสร็จ เผยคณะทำงานด้านเทคนิคเจรจาญี่ปุ่นยังไม่ถึงประเด็นลงทุน
- "คลัง" รับส่งออกปีนี้ไม่สดใส ปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศ ทั้งเศรษฐกิจโลกสะดุด-สงครามการค้าปะทุ ฉุดเต็มสูบ พร้อมทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจปี 62 ใหม่ ชี้การเมืองเริ่มชัดหนุนเอกชนเดินเครื่องลงทุน ด้านหอการค้าไทยฉายภาพดัชนีเศรษฐกิจชุมชนทรุด หลังกำลังซื้อ-ส่งออกชะลอตัว
- ในระหว่างวันที่ 8-10 ก.ค. นี้ คณะผู้แทนการค้า การลงทุนฮ่องกง เข้ามาศึกษาหาลู่ทางในประเทศไทย โดยจะนำร่องกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์ก่อสร้าง หลังจากที่ผ่านมานักลงทุนฮ่องกงหลายรายที่ตั้งโรงงานในจีนได้แจ้งความจำนงที่ต้องการร่วมทุนหรือย้ายฐานการผลิตมาในไทยเพื่อสามารถที่จะผลิตสินค้าทันที โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
*หุ้นเด่นวันนี้
- EA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 63 บาท โดดเด่นในทุกธุรกิจ 1) ธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และพลังงานลมคาดกำไรสุทธิทำ New high ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมานกำลังการผลิตรวม 260MW ซึ่งเริ่ม COD ตั้งแต่ Q1/62 แต่จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ Q2/62, 2) ธุรกิจไบโอดีเซลได้อานิสงส์ภาครัฐส่งเสริมการใช้ B10 และ B20 จากเดิม B7 และ 3) ธุรกิจแบตเตอร์รี่และรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดได้ Sentiment บวกจากข่าว BOI ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
- GUNKUL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.60 บาท ธุรกิจโรงไฟฟ้ามี PPA 543 MW (เป้า 1,000 MW ใน 2 ปีเศษ) ขายไฟแล้ว 348 MW ปีนี้จะเริ่มขายไฟราว 60 MW (34 MW 1 เม.ย. อีก 30 MW ปลายปี) และ H2/62 เป็น high season ของโรงไฟฟ้าลมในไทยและโซลาร์ในญี่ปุ่น ด้านธุรกิจ EPC มี Backlog สูงถึง 7 พันล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2.5 พันล้านบาท และเข้าร่วมประมูลงานของกฟภ.และ Submarine cable อีกเกือบ 5 พันล้านบาท พร้อมคาดกำไรสุทธิปีนี้ +70% ไม่รวม Solar rooftop และโครงการที่กำลังศึกษา
- CPN (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 87 บาท มองการลงทุนในธุรกิจแกร็บ (Grab) เป็นการขยายสู่ธุรกิจที่กำลังเติบโตและสนับสนุนการขายแบบ Omni channel โดย CPN ลงทุนผ่านทางบริษัทร่วมทุน ซึ่ง CPN จะรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุนเข้ามาใน Q2/62 แต่คาดยังไม่มีนัยยะสำคัญในระยะสั้น