โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)ประเมินผลกำไรของบริษัทปี 51 จะฟื้นตัวอย่างมากจากปี 50 เหตุราคาเนื้อไก่และเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้นและมีแนวโน้มปรับขึ้นอีกต่อเนื่องตามราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ รวมทั้งตลาดส่งออกก็ยังเติบโตได้ดีทั้งตลาดอียูและญี่ปุ่น โดยเฉพาะเนื้อไก่ปรุงสุก และรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศก็เติบโตเช่นกัน
มองขณะนี้ราคาอยู่ในช่วงขาลงเป็นจังหวะเหมาะเข้ามาเก็บหุ้น บางรายแนะนำเก็บที่ 4 บาท และยังมี upside gain อยู่มาก
โบรเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 6.93
บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 6.07
บล.ไซรัส ซื้อลงทุน 5.90
บล.ซิกโก้ ซื้อ 5.63
บล.กิมเอ็งฯ ทยอยสะสม 5.35
บล.เอเชียพลัส คาดปีนี้ CPF ยอดขายจะเติบโต 10-15% โดยปริมาณการส่งออกไก่และกุ้งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% เป็น 1 แสนตันและ 5 หมื่นตันตามลำดับ ตลาดหลักยังคงเป็นอียูและญี่ปุ่น ขณะที่รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน20% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ มองว่าราคาผลิตภัณฑ์ในประเทศถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยราคาไก่อยู่ที่ 36 บาท/กก. สูงกว่าต้นทุนที่ 32 บาท/กก. ส่วนราคาหมูอยู่ที่ 52 บาท/กก. สูงกว่าต้นทุนที่ 42 บาท/กก. เนื่องจากซัพพลายในตลาดลดลง คาดว่าแนวโน้มราคาจะทรงตัวได้ในระดับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง
สำหรับราคาวัตถุดิบทั้งข้าวโพด กากถั่วเหลือง รวมถึงปลาป่นเฉลี่ยในปี 51 น่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 15% จากปีก่อน บริษัทจึงจะทำการปรับเพิ่มราคาขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับ Gross margin
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวแนะนำให้รอรับซื้อหุ้น CPF ที่ราคา 4 บาท เพราะทางเทคนิคแนวโน้มราคาหุ้นยังมีทิศทางขาลงในช่วงปรับฐาน
"น่าจะรอรับได้ที่ 4 บาท และดูตามปัจจัยพื้นฐานราคาเป้าหมายที่ 6.93 บาท ก็ยังมี upside อยู่เยอะ คิดว่าไตรมาส 1 เขาคงมียอดขายดีขึ้นกว่าปีก่อน"นายภูวดลกล่าว
ขณะที่บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดในไตรมาส 4/50 กำไรจะอ่อนตัวลง 42% จากไตรมาส 3/50 เนื่องจากผลของฤดูกาล กุ้งที่ราคาตกต่ำ ธุรกิจอาหารสัตว์ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกากถั่วเหลือง ราคาเพิ่มขึ้นถึง 51% จากปีก่อน มาอยู่ที่ราว 16 บาท/กก.
แต่คาดว่าผลประกอบการในปี 51 จะฟื้นตัว โดยกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นถึง 171% เป็น 3,344 ล้านบาท (0.44 บาท/หุ้น) จากปี 50 ที่คาดกำไรปกติ อยู่ที่ 1,236 ล้านบาท (0.16 บาท/หุ้น) ลดลง 39% จากปี 49 เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์โดยเฉพาะไก่และหมูปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาจากครึ่งหลังของปีก่อนมายืนในระดับที่มีกำไรดี ส่วนการส่งออกไก่และกุ้งคาดว่าเติบโต 10-15% สำหรับธุรกิจสัตว์น้ำในต่างประเทศ (อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม) คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20%
นักวิเคราะห์จากบล.ไซรัส เห็นว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/50 จะไม่ดี เพราะต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะกากถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นสูง ขณะที่บริษัทไม่สามารถปรับราคาสินค้าได้ทันต้นทุน
อย่างไรก็ตาม มองว่าผลประกอบการปีนี้น่าจะมีกำไรดีกว่าปีก่อน โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิที่ 3.6 พันล้นบาท สูงกว่าปีก่อนที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.57 พันล้านบาท เนื่องจากราคาไก่และราคาหมูในประเทศปรับราคาขึ้นมาสูงกว่าต้นทุน และมีแนวโน้มจะมีราคาปรับสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะเนื้อไก่ แม้จะมีเรื่องไข้หวัดนก ผู้บริโภคก็ไม่ได้ลดลงมากนัก
ส่วนแนวโน้มวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด กากถั่วเหลืองก็มองมีแนวโน้มปรับขึ้น แนวโน้มราคาเนื้อไก่ และเนื้อหมูก็ต้องปรับขึ้นตามราคาต้นทุน
"จุดแข็งของเขามีมารเก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งทุกตลาด ...ราคาขณะนี้ 4 บาทกว่าก็ยังน่าลงทุนแต่ต้องถือระยะกลางและระยะยาว ถือลงทุนได้ เรื่อง divided yield ผมว่าเฉยๆ นะ ปี 50 คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลประมาณ 0.10-0.12 บาทต่อหุ้น ผลตอบแทน2-3% ต่อปี ซึ่งระหว่างกาลไม่ได้จ่ายปันผล แต่ปี 51 จะดีขึ้น คาดว่าอัตราผลตอบแทนประมาณ 5-6% หรือคิดเป็น 0.24 บาทต่อหุ้น" นักวิเคราะห์จากบล.ไซรัส กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--