นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. จะทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตลาดทุนไทย และจะสานต่อโครงการต่างๆ ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/62 ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทจดทะเบียน ลดความซ้ำซ้อนและลดภาระในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้จะส่งเสริมการทำธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ
ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.มีแผนกลยุทธ์สำคัญ "Creating Partnership Platform to Drive Inclusive Growth" โดยมุ่งเป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนครบวงจรของประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแก่ภาคธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายโอกาสการเติบโตทุกภาคส่วน ซึ่งตลท. ได้ทำงานร่วมกับผู้ร่วมตลาดอย่างใกล้ชิด การสนับสนุนจาก ก.ล.ต. และการบูรณาการการทำงานร่วมกันจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน สำหรับรายละเอียดของโครงการที่ดำเนินการร่วมกัน มีดังนี้ 1. One Stop Service : การจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการระดมทุนและการปฏิบัติตามเกณฑ์ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แบบครบวงจร (end-to-end) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่สนใจระดมทุนและบริษัทจดทะเบียน จากปัจจุบันที่ต้องติดต่อสอบถามในเรื่องเดียวกันจากสองหน่วยงาน ทั้งนี้ คาดว่า จะเริ่มให้บริการในวันที่ 24 ก.ย. 62
2. One Report : เป็นการอำนวยความสะดวกแก่บริษัทจดทะเบียน โดยการลดความซ้ำซ้อนของแบบ 56-1 และแบบ 56-2 ที่มีสาระสำคัญใกล้เคียงกันให้เหลือเพียงแบบเดียว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดให้บริษัทจดทะเบียนที่มีความพร้อมนำแบบใหม่มาใช้โดยสมัครใจในการยื่นรายงานประจำปี 62 ที่ครบกำหนดส่งในปี 63 และเริ่มใช้บังคับกับทุกบริษัทสำหรับรายงานประจำปี 63 ที่ครบกำหนดส่งในปี 64 เป็นต้นไป ส่วนแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 69-1) ของบริษัทที่ยื่นคำขอไอพีโอนั้นจะใช้บังคับตั้งแต่การยื่นแบบในปี 64 เป็นต้นไป นอกจากนี้ จะปรับปรุงแบบรายงานให้กระชับและมีการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG (Environmental, Social and Governance)และสิทธิมนุษยชนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) อีกด้วย 3. One ESG : เป็นการผลักดันการขับเคลื่อน ESG (Environmental, Social and Governance) ของตลาดทุน โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน ESG เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาของภาคส่วนต่าง ๆ ให้เป็นแนวทางเดียวกัน และมีการบูรณาการร่วมกัน รวมทั้งมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน โดย ก.ล.ต.จะมีบทบาทในเรื่องการออกกฎเกณฑ์ กำกับดูแล และบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิของผู้ลงทุนรายย่อย และร่วมมือกับผู้ลงทุนสถาบันในการผลักดันให้เกิด ESG ในบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น ตลท.จะส่งเสริมกระบวนการและกลไกให้บริษัทจดทะเบียนนำหลักไปใช้จริงรวมทั้งการเปิดเผยข้อมูล ขณะที่สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) จะรับผิดชอบด้านการส่งเสริมบทบาทคณะกรรมการ บริษัทจดทะเบียน เพื่อทำให้เกิด ESG มากขึ้นและเป็นศูนย์คู่มือและแนวปฏิบัติด้าน ESG
นอกจากความคืบหน้าที่กล่าวข้างต้น ก.ล.ต. และตลท.ตกลงที่จะมีความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนาตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มจากการศึกษาบทบาทของประชากรแบ่งตามรุ่น (generation) ต่าง ๆที่มีต่อการลงทุน และนำผลวิจัยไปใช้ในการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการออมและการลงทุนระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมไปถึงการตั้งเกณฑ์สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) สำหรับบริษัทที่มีขนาดเป็น SMEs เพื่อเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่จะต้องมีการกำหนดกฏเกณฑ์ที่มีความเหมาะสม และควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับนักลงทุนด้วย โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน 3-6 เดือนต่อจากนี้ ส่วนการตั้งคณะกรรมการตลท.ชุดใหม่ จำนวน 10 ตำแหน่งภายใต้พ.ร.บ.ฉบับใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 14 ส.ค. โดยแบ่งเป็นการคัดเลือกจากสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) จำนวน 4 ราย และคัดเลือกจาก ก.ล.ต.จำนวน 6 ราย โดยในส่วนของการคัดเลือกของ ก.ล.ต. จะมีการคัดเลือกจากหน่วยงานที่เกี่ยวค่องกับตลาดทุนให้เสนอรายชื่อเข้ามาองค์กรณ์ละ 6 รายเพื่อส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาคุณสมบัติก่อนที่จะคัดเลือกเหลือ 6 ราย และรวบรวมรายชื่อทั้งหมดแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการชุดใหม่