นางสาวชนกนันท์ เทียมรัตน์ นักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) กล่าวว่า บริษัทฯ ปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้เหลือเติบโตได้ 10% มาที่ประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะติบโต 15% มาที่ 1,450 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,303.98 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 15 เรื่องรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า (TFRS15) เป็นครั้งแรก
รวมถึงได้รับผลกระทบจาก บริษัท ซีโน่-แปซิฟิค เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศ ที่ทำยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะต่อสัญญากับบริษัทดังกล่าวหรือไม่ เนื่องด้วยภายในเดือมิ.ย.นี้จะสิ้นสุดสัญญาที่ทำไว้ร่วมกัน ซึ่งหากสรุปว่าไม่ต่อสัญญา ทางตัวแทนจำหน่ายจะต้องคืนสินค้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ โดยบริษัทฯ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเนื่องจากจะมีการแต่งตั้งทีมขายขึ้นเอง
ทั้งนี้ มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 น่าจะทำได้ดีกว่าไตรมาส 1/62 เนื่องจากจะมีการรับรู้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ใหม่ SNAIL WHITE GOLD ที่ออกมาในช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และรับรู้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ SoS (เอะสึ โอ เอะสึ) ที่ออกไปในช่วงเดือนมี.ค.62 ขณะที่ก็เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ PRETT ii FACE จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้ แต่คาดว่าจะสามารถรับรู้ยอดขายเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งปีจำนวน 8 ผลิตภัณฑ์ โดยครึ่งปีแรกจะออกผลิตภัณฑ์จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ และที่เหลือจะออกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้วางงบการตลาดไว้ที่ 200 ล้านบาท เพื่อใช้ทำโปรโมชั่น ในการดึงดูดการซื้อสินค้า โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิทั้งปีจะอยู่ที่ 14-15% จากปีก่อนทำได้ 13.91%
สำหรับการขายในต่างประเทศ บริษัทฯ มีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนอีก 1 ราย จากปัจจุบันมีอยู่ 2 ราย เนื่องจากมีความต้องการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศจีน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายดังกล่าวได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ โดยวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 200 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน และอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายหรือการเข้าไปร่วมลงทุน (JV) เพื่อนำสินค้าแบรนด์ SNAIL WHITE เข้าไปวางจำหน่ายในประเทศดังกล่าว คาดว่าจะสรุปได้ในครึ่งปีหลังนี้เช่นกัน รวมถึงนอกเหนือจากประเทศดังกล่าวแล้วบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างศึกษาการขยายตลาดเข้าไปยังประเทศไต้หวัน และเวียดนามด้วย
ส่วนในประเทศฟิลิปปินส์ ยอดขายมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายยอดขายทั้งปีไว้ที่ 100 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามกับทางคู่ค้าฟิลิปปินส์ บริษัทฯ จะหมดสัญญาในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งกับคู่ค้าดังกล่าวมีการวางจำหน่ายสินค้าที่ร้านวัตสันเพียงรายเดียว และเมื่อหมดสัญญาก็คาดว่าจะสามารถนำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่ายในที่ต่างๆ เพิ่มเติมได้ ทำให้อาจจะเห็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้ โดยทั้งปีคาดมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 20% และในประเทศจะเป็น 80%
นางสาวชนกนันท์ กล่าวว่า ด้านความคืบหน้าการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจเสริมความงามหรือเฮลธ์แคร์ในประเทศ บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้จำนวน 1 ราย จากปัจจุบันที่อยู่ระหว่างเจรจาทั้งสิ้น 2-3 ราย ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนตั้งแต่ 100-1,000 ล้านบาท