นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและพอร์ตลูกหนี้โดยรวมในไตรมาส 2/62 จะยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก ทำให้มีการใช้จ่ายมากกว่าการจ่ายคืนหนี้ ส่งผลต่อการเก็บหนี้ได้ยากขึ้น แต่ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา (เม.ย.-พ.ค.62) บริษัทฯ มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตมากกว่า 10% แล้ว จากไตรมาสแรกเติบโต 10.4% โดยยังคาดหวังว่าจะทำได้ 15% ในไตรมาสนี้ จากการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งการทำโปรโมชั่น แคมเปญต่างๆ และการนำเสนอสิทธิประโยชน์ด้านออนไลน์อย่างเข้มข้น
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 5,139 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกทำได้แล้ว 1,589 ล้านบาท และคาดยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้จะเติบโต 15% จากปีก่อนเติบโต 9.2% และไตรมาสแรกเติบโต 10.4% ส่วนพอร์ตลูกหนี้โดยรวมปีนี้คาดเติบโต 10% จากปีก่อนเติบโต 6.4% และไตรมาสแรกเติบโตแล้ว 7.2% ขณะที่ยังคงเน้นการควบคุมคุณภาพลูกหนี้ โดยตั้งเป้าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ไว้ที่ 1.1% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ที่ 1.1% จากไตรมาสแรกปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.2%
ส่วนธุรกิจใหม่ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท เคทีซี นาโน จำกัด ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (Nano Finance) โดยให้สินเชื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพ วงเงินไม่เกินรายละ 1 แสนบาท และ บริษัท เคทีซี พิโก (กรุงเทพฯ) จำกัด ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (Pico Plus) โดยให้สินเชื่อแก่บุคคลในภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในจังหวัดที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ วงเงินไม่เกินรายละ 1 แสนบาท และธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) คาดว่าภายในเดือนมิ.ย.นี้ น่าจะได้รับในอนุญาตฯ ดังกล่าวได้ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป โดยในช่วงแรกจะเป็นการทดลองการปล่อยสินเชื่อก่อน คาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนของธุรกิจได้ใน 18-24 เดือน ซึ่งบริษัทฯ ก็คาดหวังจะมีกำไรในธุรกิจใหม่ในปี 64
"รูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ เรายังไม่สามารถบอกได้ในขณะนี้ โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างรอไลเซนส์จากทางแบงก์ชาติและกระทรวงการคลังอยู่ คาดว่าจะได้รับภายในเดือนนี้ และจะเริ่มทดลองการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 3/62 ซึ่งบริษัทฯ จะมีการตั้งสำรองการปล่อยสินเชื่อไว้ตามปกติ 7-8% ขณะที่วงเงินการปล่อยสินเชื่อก็มีเพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 3 เท่า"