นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในไตรมาส 2/62 ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยของเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว และปัจจัยจากการเริ่มบังคับใช้ของเกณฑ์ LTV ใหม่ตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับกลยุทธ์การขายใหม่ในช่วงไตรมาส 2/62 ซึ่งจะต้องมีการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อบ้านเพิ่มมากขึ้น จากที่ช่วงไตรมาส 1/62 การซื้ออสังหาริมทรัพย์ของทั้งตลาดหดตัวลง 18% เนื่องจากลูกค้าชะลอดูสถานการณ์ต่างๆให้มีความชัดเจน และลูกค้ายังไม่มืความมั่นใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังส่งผลต่อเนื่องมาในไตรมาส 2/62
บริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่นออกมาเพิ่มขึ้นผ่านแคมเปญต่างๆ พร้อมกับมีโปรโมชั้นที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้กับลูกค้าได้ เพื่อทำให้ลูกค้ามีความสนใจมาซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับในแง่ของการโอนนั้นบริษัทได้ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นพันธมิตรในการให้ดอกเบี้ยในอัตราพิเศษและมอบสิทธิพิเศษต่างๆให้กับลูกค้า
ส่วนการเปิดโครงการใหม่นั้นบริษัทจะพิจารณาเปิดเฉพาะโครงการที่มีศักยภาพที่ลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่ให่ความสนใจในช่วงนั้นๆเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยให้โครงการใหม่ที่เปิดขายมาสร้างยอดขายได้อย่างดี โดยที่ยอดขายในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของบริษัทสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนั้นปัจจุบันบริษัทยังคงไม่มีการพิจารณาทบทวนแผนในครึ่งปีหลัง ซึ่งแผนงานและเป้าหมายยังคงเป็นไปตามเดิม โดยที่เป้าหมายของบริษัทด้านยอดขายและรายได้ยังคงไว้ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท และ 4.7 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่แนวโน้มอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในปัจจุบันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 7-8% โดยกลุ่มที่ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นมาเป็นกลุ่มทาวน์เฮาส์ที่มีระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ของ LTV ที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดสินเชื่อมากขึ้น
โดยบริษัทมองว่าเกณฑ์ LTV ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ออกมานั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ทำให้กระทบต่อผู้ประกอบการ ธนาคารพาณ์ชย์ และลูกค้า ซึ่งถูกเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นเข้ามาเป็นข้อจำกัดในการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำรงชีวิต ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในตอนนี้ถูกบีบรัดจากเกณฑ์ LTV ค่อนข้างมาก ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริงที่คนหนึ่งคนสามารถมีบ้านได้มากกว่า 1 หลัง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และมาตรการสนับสนุนของภาครัฐที่ออกมาล่าสุดในการลดค่าธรรมเนียมการโอนบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทนั้น ไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าส่วนใหญ่ได้ เพราะปัจจุบันราคาบ้านส่วนใหญ่เกิน 1 ล้านบาทแล้ว ทำให้มาตรการกระตุ้นที่ออกมาไม่ส่งผลบวกต่อภาพรวมของตลาดมากนัก
"เราอยากใหมภาครัฐหรือหน่วยงานต่างๆออกมาตรการมาให้ตอบโจทย์กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน อย่างลดค่าธรรมเนียมการโอนก็น่าจะครอบคลุมบ้านระดับราคาที่เกิน 1 ล้านบาทมากกว่า ซึ่งจะช่วยคนที่ซื้อบ้านส่วนใหญ่ได้มากกว่าบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ส่วน LTV ก็กระทบการกู้ของลูกค้าไปบ้าง ตอนนี้ยอมรับว่าภาคอสังหาฯ Tight มากเกินไป กระทบทั้งผู้ประกอบ ธนาคาร และลูกค้า ซึ่งอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาช่วยเดินหน้ามาตรการต่างๆออกมาผล่กดันภาคอสังหาฯอีก เพราะภาคอสังหาฯถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจได้ แต่หากภาคอสังหาฯมีผลกระทบก็จะกระทบภาคอื่นๆไปตามไปด้วย"นางสุพัตรา กล่าว
วันนี้บริษัทได้เปิดแคมเปญการตลาด ภายใต้ชื่อ "PRUKSA Living Tech" ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโลยี โดยเน้นเรื่อง "ความใส่ใจ" ซึ่งต่อยอดมาจาก Brand Purpose ที่ "ใส่ใจ...เพื่อทั้งชีวิต" ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ลงลึกไปสู่สินค้าทั้ง 14 แบรนด์