นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายธุรกิจโซลาร์ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท เสนาโซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ไว้ที่ระดับ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 380 ล้านบาทในปีที่แล้ว ภายใต้เป้าหมายจะเพิ่มกำลังการติดตั้งอีก 24 เมกะวัตต์ (MW) หลังจะเข้าไปขยายตลาดในกลุ่มผู้ประกอบการ อาทิ โรงงาน คลังสินค้า เป็นต้น รวมจำนวน 13 แห่ง โดยเฉพาะการทำตลาดในรูปแบบของการจำหน่ายไฟฟ้าตรงให้กับผู้ประกอบการ (Private PPA) โดยจะเป็นการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา และจำหน่ายไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน ให้กับผู้ประกอบการโดยตรง ทำให้ต้นทุนการใช้พลังงานลดต่ำลง
"ตอนนี้เรามีลูกค้าที่เป็น Private PPA แล้ว 5-6 ราย ถึงสิ้นปีก็จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 900 ล้านบาท ธุรกิจโซลาร์เราก็วางเป้ายอดขายเติบโตได้ปีละ 10-20% ทั้งในส่วนยอดขายและเมกะวัตต์"นางสาวเกษรา กล่าว
นางสาวเกษรา กล่าวอีกว่า ธุรกิจโซลาร์ปัจจุบันมียอดขายมาจากงานติดตั้ง (EPC) และการขายไฟฟ้าในรูปแบบโซลาร์ฟาร์มราว 24 เมกะวัตต์ และรายได้การขายไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อป Private PPA โดยวางเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโซลาร์จะเพิ่มเป็น 10-20% ของรายได้รวมใน 4-5 ปีจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 9%
สำหรับแผนการนำบริษัท เสนาโซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด เข้าตลาดหุ้นนั้นปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้เพราะรายได้จากการขายไฟฟ้านับเป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) ทำให้มีช่องทางการระดมทุนที่หลากหลายนอกเหนือจากการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น ซึ่งการลงทุนในปีนี้บริษัทก็มีแผนกู้เงินอยู่แล้ว
นางสาวเกษรา กล่าวอีกว่า บริษัทได้เตรียมพร้อมยื่นขอสิทธิให้กับลูกบ้านเพื่อเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน รวมทั้งหมด 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ เสนาพาร์ค แกรนด์ รามอินทรา ,โครงการเสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา-วงแหวน ,โครงการเสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5 ,โครงการเสนาแกรนด์ โฮม รังสิต ติวานนท์ โครงการเสนาช๊อปเฮ้าส์ พหลโยธิน คูคต และโครงการ เสนาช็อปเฮ้าส์ บางแค เฟส 1 และ เฟส 2 ซึ่งมั่นใจว่าจะมีจำนวนรายที่ยื่นสูงสุด 164-170 ราย คิดเป็นจำนวน 394.40 กิโลวัตต์
การเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชนจะทำให้ลูกบ้านได้รับประโยชน์จากการขายไฟฟ้าเหลือใช้เข้าระบบในอัตราที่รัฐกำหนด 1.68 บาท/หน่วย อีกทั้งโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ยังมีส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วงรอยต่อที่ระบบกักเก็บพลังงานหรือแบตเตอรี่(Energy Storage System)ที่เป็นเทคโนโลยีที่อยู่ในขั้นทดลองเรื่องของคุณภาพ และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เมื่อมีโครงการนี้เข้ามา ทำให้เกิดความคุ้มค่ากับมากกว่าการผลิตไฟฟ้าแล้วไม่ได้ใช้ ซึ่งทางบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจด้านพลังงาน อยู่ระหว่างการศึกษาและแสวงหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อให้บริการกับลูกค้าให้ได้รับประโยชน์มากขึ้นในอนาคต
สำหรับแผนงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้บริษัทวางแผนจะเปิด 20 โครงการ ซึ่งปัจจุบันเปิดแล้ว 7 โครงการ ส่วนจะเปิดได้ครบตามเป้าหมายหรือไม่นั้นขึ้นกับดีมานด์และซัพพลายของตลาดด้วย แต่ก็ยอมรับว่าจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่มีผลบังคับใช้แล้วนั้นทำให้ยอดขายภาพรวมลดลงบ้าง
ส่วนการที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศนั้นก็เชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ หลังคาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหากนำมาตรการที่เคยใช้มาแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ อย่างการลดค่าจดทะเบียนการโอนและการจดจำนอง ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้ามากขึ้น จากปัจจุบันที่รัฐบาลใช้เฉพาะบ้านที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนไม่ถึง 10% ของตลาด แต่หากรัฐบาลขยับกลุ่มเป้าหมายเป็น 3-5 ล้านบาท และ 5-7 ล้านบาท จะมีจำนวนมากถึง 60% ของตลาด