นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ จากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นดีและราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่การปรับขึ้นจะมีอัตราที่ช้าลงเพราะปัจจัยลบแวดล้อมเริ่มเห็นมากขึ้น ทั้งในส่วนของการไหลเข้าของ Flow ที่เริ่มช้าลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลงก่อนหน้านี้ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการปรับลดกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซึ่งจะทำให้ Valuation ขยับสูงขึ้น
ขณะที่ปัจจัยบวกจากประเด็นการเมืองในประเทศ ตลาดก็รับรู้และสะท้อนไปในราคาหุ้นบ้างแล้ว ทำให้ Upside ของตลาดน้อยลง กดดันให้การปรับขึ้นของดัชนีจะช้าลงเรื่อย ๆ
พร้อมมองแนวรับที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,660 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,720.66 จุด เพิ่มขึ้น 181.09 จุด (+0.71%) ,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,843.49 จุด เพิ่มขึ้น 17.34 จุด (+0.61%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,615.55 จุด เพิ่มขึ้น 40.08 จุด (+0.53%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 85.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.25 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.84 จุด
ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลขนมจ้าง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 มิ.ย.62) 1,653.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.95 จุด (+0.30%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,046.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 มิ.ย.62) ปิดที่ 52.59 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 มิ.ย.62) ที่ 3.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.30 แข็งค่าจากวานนี้หลังดอลล์อ่อน จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ-Fund Flow
- ตลาดหลักทรัพย์มั่นใจเงินทุนต่างชาติเข้าหุ้นไทย เหตุการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ชัดเจน หนุนความเชื่อมั่นกลับมา ยอมรับอยู่ระหว่างตรวจสอบกรณีโบรกเกอร์ไม่สามารถส่งมอบหลักทรัพย์ได้ทันตามกำหนด เล็งหาจุดบกพร่อง และหาแผนรองรับเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต ด้านหอการค้าเผย การเมือง-สงครามการค้าฉุดเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค.ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 77.7 ต่ำสุดในรอบ 19 เดือน ขณะที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมเผย 5 เดือนยอดขอตั้งโรงงานใหม่แตะ 1.7 แสนล้านบาท ด้านนักธุรกิจกังวลรัฐบาลใหม่เสียงปริ่มน้ำ กระทบเสถียรภาพบริหารประเทศ
- กระทรวงพลังงานชงประมูลปิโตรเลียมอ่าวไทยให้ รมว.พลังงานคนใหม่เคาะมั่นใจไม่ชะงัก ด้านเชฟรอนรอเกณฑ์ชัดก่อนตัดสินใจ รับเชี่ยวชาญทะเลไม่สนบนบก เผยปีนี้ลงทุนพันล้านบาท พร้อมปัดข่าวขายหุ้นให้ ปตท.สผ.
- "คลัง"เตรียมชงรมว.คนใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ หลัง 4 เดือนแรกติดลบหนัก เน้นแผนที่ให้ผลเร็วและเข้มข้นมากขึ้น พร้อมยกเครื่องโครงการบัตรสวัสดิการหันใช้รายได้ครอบครัวเป็นตัววัด ล้อมคอกคนรวยตีเนียนลงทะเบียนรับสิทธิ ประเมินกรองผู้มีรายได้น้อยเหลือไม่ถึง 10 ล้านคน
- สภาพัฒน์ เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาสแรก ปี 62 ว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยในไตรมาสแรกปีนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น 10.1% สูงสุดรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 2/57 เนื่องจากคนเร่งก่อหนี้ก่อนบังคับใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ หรือแอลทีวี ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 1 เม.ย.62 และความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นในการออกรถยนต์รุ่นใหม่ทำให้สินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการออกโปรโมชั่นจูงใจให้มีการก่อหนี้เพิ่ม
- เวิลด์แบงก์อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่และผลสำรวจมุมมองนักลงทุนต่าง ๆ ทั้งเรื่องนโยบายและรายชื่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดทำรายงานเศรษฐกิจรอบใหม่ในเดือน ก.ค.นี้ จากปัจจุบันคาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.8% ลดลงจากสิ้นปี 61 เติบโต 4.1% ซึ่งสิ่งสำคัญของรัฐบาลชุดใหม่ คือ การผลักดันโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่ดำเนินการอยู่ให้บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้รวมถึงแผนผลักดันโครงการโครง สร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อื่น ๆ ด้วย เพราะการลงทุนจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงที่การส่งออกชะลอตัว
*หุ้นเด่นวันนี้
- PORT-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) ครั้งที่ 1) เข้าซื้อขายใน mai วันแรก โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 45,999,955 หน่วย ราคา 0.00 บาท อายุ 3 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 6.50 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 30 ธ.ค.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 27 พ.ค.65
- SCC (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐาน 528 บาท จากคาดว่า SSC จะได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มมูลค่าหุ้นและกำไรจากธุรกิจนอกกลุ่มเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น โดยการเติบโตของอุปสงค์การใช้ซีเมนต์ในกลุ่มประเทศอาเซียนเกือบทั้งหมดกำลังฟื้นตัว ในขณะที่กระแส e-commerce จะยังคงหนุนผลกำไรของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ต้นทุนพลังงานที่คาดว่าจะลดลงก็จะช่วยลดผลกระทบจากการปรับลดลงของส่วนต่างราคาปิโตรเคมีได้บางส่วน ทั้งนี้ ปรับเพิ่มเป้าหมาย PER สำหรับธุรกิจนอกกลุ่มเคมีภัณฑ์ขึ้นเป็น 19.9 เท่า เพื่อสะท้อนถึงบรรยากาศที่ดีในอุตสาหกรรม
- LIT (โกลเบล็ก) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท หลังมีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของบริษัทตามการทยอยเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SME ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมทั้งการมีรัฐบาลใหม่และการเริ่มต้นปีงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ในเดือนต.ค.จะช่วยสนับสนุนการเปิดประมูลโครงการภาครัฐและการเติบโตของการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตามปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ลง 9% จากผลกระทบรายได้รวมในช่วง 1Q62 ที่หดตัวเมื่อเทียบกับรายปีและการปรับโครงสร้างที่ยังไม่ส่งผลชัดเจน แต่กำไรสุทธิทั้งปี 2562 ยังเติบโต 6% จากปีที่แล้ว
- ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท หลังคาดกำไรปกติปีนี้โต 14% สูงสุดในกลุ่ม (กลุ่มฯ +1%) จาก Backlog ที่รอโอนช่วงที่เหลือของปี 9.5 พันล้านบาท คิดเป็น 78% ของคาดการณ์รายได้ทั้งปี กำไร 2Q62 มีโอกาสดีกว่าคาดเพราะคอนโดฯ 2 แห่งโอนเร็วขึ้น กระแสดอกเบี้ยต่ำทั่วโลกเป็น sentiment บวกต่อราคาหุ้นซึ่งรับข่าวลบกับ LTV มากเกินไป แม้ ORI จะไม่ใช่หุ้นที่ชอบที่สุดในกลุ่ม แต่ปัจจุบัน PE ก็ถูกที่สุดในกลุ่มที่ 5.7x (กลุ่มฯ 8.7x) ROE 30% และ Dividend yield 7% สูงสุดในกลุ่ม ORI ยังถูกคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ในดัชนี SETHD ในเดือน มิ.ย.