นายประกรณ์ เมฆจำเริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) กล่าวว่า บริษัทคาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/62 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/62 เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับปรุงทีมขายใหม่สำหรับตลาดในประเทศ การทำงานร่วมกันกับลูกค้า และการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการส่งสินค้าให้มีความรวดเร็วมากขึ้น ขณะที่ในต่างประเทศก็ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเวียดนามน่าจะเติบโตดีขึ้นหลังจากไตรมาสที่ผ่านมาเป็นช่วงโลว์ซีซั่น
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/62 บริษัทเตรียมบันทึกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ที่ได้กำหนดอัตราค่าชดเชยเพิ่มเติมกรณีนายจ้าง เลิกจ้างสำหรับลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไปให้มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน คิดเป็นวงเงินค่าใช้จ่ายรวม 74 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายทั้งปีเติบโต 10% จากปีก่อนทำได้ 16,454 ล้านบาท โดยจะมาจากการขายในประเทศที่คาดว่าจะเติบโต 5% และต่างประเทศที่คาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ประกอบกับคาดว่า EBITDA Margin ปีนี้จะเติบโต 17% จากปีก่อนอยู่ที่ 16% จากการควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายด้าน SG&A ได้ดีขึ้น โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ 35%
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งงบไว้ที่ 700 ล้านบาท โดยหลักจะใช้ในการขยายโรงงานในต่างประเทศต่อเนื่องจากปีก่อน แบ่งเป็นโรงงานในอินโดนีเซีย กำลังการผลิต 7.8 ล้านแกลลอน/ปี ปัจจุบันเริ่มผลิตแล้วในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และในไตรมาส 3/62 จะเริ่มดำเนินการผลิตของโรงงานในเมียนมา กำลังการผลิต 3.4 ล้านแกลลอน
ขณะที่ในไตรมาส 4/62 จะเริ่มการผลิตของโรงงานในกัมพูชา กำลังการผลิต 3.3 ล้านแกลลอน/ปี คาดว่าหลังจากสามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตในต่างประเทศได้ครบทุก 3 โรง จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 102 ล้านแกลลอน/ปี จากเดิม 88 ล้านแกลลอน/ปี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะมีสัดส่วนยอดขายในต่างประเทศเพิ่มเป็น 20% ในปี 65 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 13%