นายพุทธชาติ รังคสิริ ประธานกรรมการ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น (TWZ) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มกำไรในปี 62 มีโอกาสเติบโตได้ก้าวกระโดดจากระดับกำไรสุทธิ 63.61 ล้านบาทในปีที่แล้ว จากยอดขายโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบ 3G ที่มีแนวโน้มจะทำได้สูงกว่าเป้าหมายที่ 3.3 พันล้านบาท
โดยเฉพาะในวันที่ 15 ต.ค.62 นี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดให้มีการยกเลิกการให้บริการในคลื่นความถี่ 2G ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการในระบบ 2G เหลืออยู่ที่ 6 ล้านราย จึงคาดว่าจะมีความต้องการซื้อโทรศัพท์ใหม่ที่รองรับระบบ 3G มากขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไอเอส เพื่อนำโทรศัพท์แบรนด์ของ TWZ ไปขายในร้านสาขาของเอไอเอส ซึ่งจะทำให้มียอดขายใหม่เข้ามาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขายที่ดินที่เขาใหญ่พื้นที่ 48 ไร่ มูลค่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และยังอยู่ระหว่างการเจรจาขายที่ดินย่านนวนครที่สามารถนำไปพัฒนาอาคารพาณิชย์ได้ราว 38 ห้อง คาดว่าจะมีมูลค่าขายราว 40-50 ล้านบาท พร้อมกันนั้น บริษัทปรับแผนการตลาดเพื่อทำการขายใหม่ โครงการคอนโดมิเนียม เดอะ เพเซอร์ พัทยา ที่ยังเหลืออีก 119 ห้อง มูลค่ารวม 300 ล้านบาท โดยบริษัทจะพยายามทยอยขายออกไปให้มากที่สุดในปีนี้ และหากบริษัทสามารถขายที่ดินทั้ง 2 แปลงได้ในปีนี้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนหลักให้กับภาพรวมของผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ด้านธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม กำลังการผลิต 2.5 เมกะวัตต์ (MW) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่ารายได้จากโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะเข้ามาเต็มปีในปี 63 โดยจะมีรายได้จากการขายไฟอยู่ที่ 184 ล้านบาท/ปี และยังคงมองโอกาสขยายธุรกิจพลังงานเพิ่มเติม ซึ่งจะเน้นไปที่โรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรร่วมทุนหลายโครงการ
อย่างไรก็ตาม แม้ในปีนีบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจพลังงานเข้ามา แต่ก็ยังคงเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้หลักที่มาจากธุรกิจสื่อสาร ทำให้ในปี 63 สัดส่วนรายได้ราว 90% จะยังคงมาจากธุรกิจสื่อสารเช่นเดียวกับในปีนี้
"หากจะจัดสายธุรกิจของ TWZ ในขณะนี้ ก็ต้องบอกว่า เรามีธุรกิจ 3 สาย ได้แก่ สื่อสารโทรคมนาคม พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจว่า TWZ จะทิ้งธุรกิจหลักในสายสื่อสารโทรคมนาคม หันไปรุกสายธุรกิจพลังงาน ซึ่งตรงนี้ขอยืนยันว่า เราไม่เคยมีแนวคิดนี้ เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมจะเติบโตได้ในระยะยาว เนื่องจากเทรนด์ของโลกเป็นแบบนี้ และเราอยู่ในอุตสาหกรรมมานาน มีประสบการณ์ มีความรู้ความชำนาญ แต่ในช่วงสั้น ๆ ธุรกิจนี้ถูก disrupt จากหลายปัจจัย ทำให้ TWZ ต้องคิดขยายการลงทุนไปในธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้ไม่มากเมื่อเทียบกับรายได้รวม แต่เป็นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างกำไร และจะทำให้กำไรของ TWZ โดยองค์รวมนั้นมีศักยภาพมากขึ้น โดยเราคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานขยะได้อย่างเร็วที่สุดประมาณสิ้นปีนี้"นายพุทธชาติ กล่าว
ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจ คือ การเป็นตัวแทนขายรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนเป็นตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของแบรนด์ "ลี่ฟาน" และ"ตงฟง" คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 4/62 อีกทั้งในอนาคตบริษัทยังมองไปถึงการลงทุนแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง ซึ่งจะนำเข้าชิ้นส่วนจากพันธมิตรแบรนด์รถยนต์จีนมาประกอบในประเทศ โดยรอพิจารณาต้นทุนการผลิตหากมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทก็จะเข้าลงทุนโครงการดังกล่าว