บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ที่ระดับ "BBB+" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "BBB+" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการชำระคืนหนี้และขยายพอร์ตสินเชื่อ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยั่งยืนในการเป็นผู้นำในตลาดของผลิตภัณฑ์หลักซึ่งคือการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกัน รวมไปถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด คุณภาพของสินทรัพย์ที่ได้รับการควบคุมเป็นอย่างดี แหล่งเงินทุนที่มีความหลากหลายมากขึ้นและสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอ
สถานะความเป็นผู้นำของบริษัทเกิดจากความเข้าใจในตลาดที่ดำเนินธุรกิจ และเครือข่ายสาขาทั่วประเทศที่ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ชนบทในระดับตำบลของจังหวัดต่าง ๆ ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 3,444 สาขา เพิ่มขึ้นจาก 506 สาขาในปี 2557 สินเชื่อรวมคงค้างของบริษัทเติบโตจาก 48.05 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 มาอยู่ที่ 50.59 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 โดยคิดเป็นการเติบโตที่ 5.3% จากต้นปีถึงปัจจุบัน (Year-to-date)
ทั้งนี้ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8.0% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปี) สำหรับไตรมาสแรกของปี 2562 จาก 8.6% ณ สิ้นปี 2561 ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสที่แล้ว นอกจากนี้ คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทยังได้รับการควบคุมเป็นอย่างดี และค่อนข้างต้านทานต่อสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้ ซึ่งสะท้อนได้จากการที่บริษัทมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2562 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.0% จาก 1.1% ณ สิ้นปี 2561 การก่อหนี้ซึ่งวัดโดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.9 เท่า ณ เดือนมีนาคม 2562 จาก 3 เท่า ในปี 2561 การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้และการสะสมของกำไรที่แข็งแกร่งเป็นไปตามประมาณการที่คาดไว้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ประมาณ 3 เท่าในปี 2562
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและมีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อและการก่อหนี้เอาไว้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตในอนาคตอันใกล้นี้มีความเป็นไปได้น้อยหลังจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่การก่อหนี้และผลประกอบการทางการเงินปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงได้หากคุณภาพสินทรัพย์ หรือความสามารถในการทำกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบกับฐานทุน การก่อหนี้ ผลประกอบการทางการเงิน หรือความเสี่ยงของบริษัท