นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/62 น่าจะต่ำที่สุดของปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก และจะมีการตั้งสำรองพิเศษผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่ และการตั้งสำรองของโครงการประกันสังคมสำหรับโรครุนแรง
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยการเข้าซื้อกิจการกลุ่ม PMC เสร็จสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ โดยได้เข้าไปถือหุ้นสามัญทั้งหมดใน บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรีลส์ จำกัด (PMCT) และถือหุ้นสามัญทั้งหมดใน บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรีลส์ พีทีอี ลิมิเตด (PMCS) โดยการปรับกระบวนการต่าง ๆ ภายในบริษัทจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2/62 นี้
หลังจากได้ปรับมาตรฐานบัญชี และวางระบบ ERP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทได้วางแผนการปรับกระบวนการทำงานและแนวทางกลยุทธ์ให้สอดคล้อง พร้อมต่อยอดการเติบโต โดยการเข้าไปบริหารจัดการในส่วนของ Supply chain เพื่อให้เกิด Synergy และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าในด้านการเติบโตของยอดขาย หรือด้านการบริหารต้นทุน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการออกผลิตภัณฑ์กาวชนิดใหม่เพิ่มเติมเพื่อเสนอขายให้กับกลุ่มรองเท้า และอื่น ๆ ที่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น และสามารถจำหน่ายสินค้าในตลาดที่กว้างมากขึ้น และมีมาร์จิ้นสูงขึ้นด้วย ขณะที่แนวโน้มความต้องการของตลาดกาวอุตสาหกรรมและตลาดสติ๊กเกอร์หรือฉลากกาวในตัวมีการเจริญเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตที่คาดการณ์ว่าสูงที่สุด ดังนั้น บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,400-1,500 ล้านบาท
"ในตลาดของเราอุตสาหกรรมกาวกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วก็ต้องใช้ซ้ำ และอยู่ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราเองก็มีการเติบโตได้อยู่ แต่ไม่มากนักเพราะเรายังอยู่ในกลุ่มตลาดที่ตลาดเกรดไม่สูงนัก แต่ครึ่งปีหลังเราจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีเกรดสูงขึ้น บุกตลาดใหม่ ๆ ได้เพิ่มซึ่งจะทำให้เราเติบโตได้มากขึ้นด้วย"นายเอก กล่าว
ขณะที่ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 6% หลังจากไตรมาส 1/62 ทำได้แล้ว 6.66% โดยบริษัทได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี รวมไปถึงการจัดการภายในเกี่ยวของการควบรวมกลุ่ม PMC แล้วเสร็จจะทำให้การทำกำไรของบริษัทดีขึ้นตามไปด้วย