บล.เออีซี (AEC) ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ปรับตัวรับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่ชัดเจนขึ้น หลังได้ข้อสรุปรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีชุดใหม่ หนุนให้โครงการลงทุนต่าง ๆ เดินหน้าได้ต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยต่างประเทศก็มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกแผนเก็บภาษีเม็กซิโก และคาดหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในงาน G20 รวมทั้งสภาพคล่องทางการเงินในตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จาก การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางจีน (PBOC) จะหันมาพิจารณาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น หุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร คาดได้อานิสงส์บวกจากราคาเฉลี่ยของเนื้อหมูและเนื้อไก่ในประเทศ ที่นับตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยของปี 61 ราว 24.3% และ 7.8% ตามลำดับ อีกทั้งมีแรงหนุนจากต้นทุนกากถั่วเหลืองนำเข้าที่มีราคาเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปีลดลงจากราคาเฉลี่ยของปี 61 ราว 3.2% แนะนำ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และบมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG)
นอกจากนี้มอง กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ คาดมีโอกาสเติบโตได้ดีจากอัตราการขยายตัวของพอร์ตลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการกู้ยืมเงินของกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ยังมีอยู่มาก และได้รับผลบวกจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาควบคุมด้านกฏระเบียบอย่างเข้มงวดทำให้คาดจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในกลุ่มของผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบมากขึ้น แนะนำบมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) และบมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC)
กลุ่มค้าปลีก คาดได้ประโยชน์จากการเมืองไทยที่ชัดเจนมากขึ้นบวกกับได้อานิสงส์บวกจากนโยบายกระตุ้น เศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดมุ่งเป้ามาที่การบริโภคของภาคเอกชนเป็นอันดับต้น ๆ แนะนำบมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) และบมจ.โรบินสัน (ROBINS)
กลุ่มหุ้นกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้น เลือกหุ้นที่มีความมั่นคงทางกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ได้แก่ กลุ่มพลังงานทางเลือกแนะนำ บมจ. ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) , บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) และบมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS)