ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร SPI ที่ "AA" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 11, 2019 11:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) ที่ระดับ "AA" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ ตลอดจนการลงทุนที่หลากหลายในบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคภายในกลุ่มสหพัฒน์ และการมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการมีรายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ นโยบายทางธุรกิจที่ระมัดระวัง และความยืดหยุ่นทางการเงินที่เข้มแข็งของบริษัทอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นหนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์

SPI เป็นบริษัทโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ โดยกลุ่มสหพัฒน์เป็นกลุ่มบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าหลายประเภทภายใต้ตราสินค้าชั้นนำมากมายในตลาดที่หลากหลาย อาทิ มาม่า วาโก้ เปา เอสเซ้นซ์ มิสทีน ฯลฯ ทั้งนี้ กลุ่มสหพัฒน์ได้พัฒนาเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งแบบครบวงจรตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการผลิตและการจัดจำหน่าย

บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสวนอุตสาหกรรมของกลุ่มสหพัฒน์ซึ่งให้บริการสาธารณูปโภคและบริการอื่น ๆ แก่บริษัทต่าง ๆ ที่ประกอบการในสวนอุตสาหกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังทำหน้าที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มสหพัฒน์อีกด้วย

มีการลงทุนที่หลากหลาย SPI มีการลงทุนที่หลากหลายและกระจายตัวเป็นอย่างดี ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทมีการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ จำนวน 131 แห่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มสหพัฒน์ การลงทุนของบริษัทครอบคลุมในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้า เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภค และอื่น ๆ ในปี 2561 บริษัทมีเงินปันผลรับจากกลุ่มบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มคิดเป็น 41% ของกระแสเงินสดรวมของบริษัท ในขณะที่เงินปันผลจากกลุ่มบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า และเครื่องสำอางมีสัดส่วน 18% 16% และ 14% ตามลำดับ

กลุ่มสหพัฒน์มักจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรต่าง ๆ และได้สร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับหุ้นส่วนทางธุรกิจจำนวนมากทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างประเทศ การร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจจะช่วยลดภาระการลงทุนเริ่มต้นของบริษัทและช่วยให้บริษัทได้รับการสนับสนุนจากผู้ร่วมลงทุน อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถขยายการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลายยังช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงพันธมิตรทางธุรกิจเพียงรายใดรายหนึ่งได้อีกด้วย

เงินปันผลเพิ่มขึ้นจากบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มสหพัฒน์ ทริสเรทติ้งคาดว่ากระแสเงินสดของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า กระแสเงินสดหลักของบริษัทมาจากเงินปันผลจากการลงทุน โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีเงินปันผลรับคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 80% ของกระแสเงินสดของบริษัท ในขณะที่กระแสเงินสดส่วนที่เหลือมาจากการให้บริการในสวนอุตสาหกรรม เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนที่หลากหลายจึงส่งผลให้บริษัทได้รับเงินปันผลที่สม่ำเสมอ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2560-2561 เงินปันผลรับของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1,100-1,200 ล้านบาทจากระดับ 700-900 ล้านบาทในช่วงปี 2556-2559 หลังจากที่บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจตราสินค้า "มาม่า" และ "ฟาร์มเฮ้าส์" ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินปันผลรับที่บริษัทได้รับจากการลงทุนจะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

งบดุลยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง บริษัทยังคงมีงบดุลอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ณ เดือนมีนาคม 2562 เงินกู้รวมของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 9,279 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทมีการชำระคืนหนี้บางส่วน ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25.3% เมื่อเทียบกับระดับ 27.0% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 21% ในปี 2564

มีสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอและมีความยืดหยุ่นสูง สภาพคล่องของบริษัทยังคงมีเพียงพอ ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบด้วยเงินสดจำนวน 44 ล้านบาทและเงินลงทุนชั่วคราวจำนวน 28 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 7,070 ล้านบาทจากสถาบันการเงินหลายแห่ง ทริสเรทติ้งคาดว่าในระหว่างปี 2562-2564 บริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 1,400 ล้านบาทต่อปี ภาระในการชำระหนี้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของบริษัทประกอบไปด้วยหนี้ระยะยาวจำนวน 980 ล้านบาทและหนี้ระยะสั้นจำนวน 90 ล้านบาท โดยในปี 2562 บริษัทมีงบลงทุนประมาณ 1,300 ล้านบาทซึ่งบางส่วนจะมาจากเงินกู้ ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนที่มีสภาพคล่อง ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของเงินลงทุนของบริษัทในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 29 แห่งคิดเป็น 32,071 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2562 โดยมูลค่าเงินลงทุนของบริษัทคิดเป็น 3 เท่าของเงินกู้รวมคงค้างของบริษัท

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ในระหว่างปี 2562-2564 ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานดังต่อไปนี้

รายได้ของบริษัทจะเติบโตปีละประมาณ 5%

อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 35%-40%

งบลงทุนรวมทั้งหมดของบริษัทจะอยู่ที่ 3,500 ล้านบาทในช่วงประมาณการ

อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 20%-25%

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลที่แน่นอนจากการลงทุนในบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มสหพัฒน์ปรับตัวดีขึ้นเป็นอย่างมากซึ่งจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจลดลงหากรายได้จากเงินปันผลของบริษัทลดลงอย่างมากจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของบริษัทในเครือของกลุ่มสหพัฒน์ หรือบริษัทมีนโยบายก่อหนี้จำนวนมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ