นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน มีโอกาสที่ดัชนีฯจะอ่อนตัวลงบ้างหลังปรับตัวขึ้นไปมาก และเริ่มเห็นตลาดสหรัฐฯย่อตัว ซึ่งปัจจัยนอกประเทศตอนนี้ก็ค่อนข้างเงียบ จะมีก็แค่จีนออกมาตรการให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถออกพันธบัตรได้ ซึ่งเป็นมาตรการกึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ย่อตัว โดยตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลงมากจากเหตุการณ์ประท้วง
ส่วนบ้านเราก็รอดูความคืบหน้าปัจจัยการเมือง ในการจัดตั้งรัฐบาล และรอดูนโยบายด้วย อีกทั้งติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของไทย ส่วนนอกประเทศก็รอดูตัวเลขเศรษฐกิจ และรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
พร้อมให้แนวรับ 1,658 จุด ส่วนแนวต้าน 1,676-1,680 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,048.51 จุด ลดลง 14.17 จุด (-0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,885.72 จุด ลดลง 1.01 จุด (-0.03%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,822.57 จุด ลดลง 0.60 จุด (-0.01%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 73.89 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 186.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.32 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.53 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันประกาศอิสรภาพ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 มิ.ย.62) 1,670.41 จุด เพิ่มขึ้น 5.68 จุด (+0.34%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,907.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 มิ.ย.62) ปิดที่ 53.27 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ 0.02%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 มิ.ย.62) ที่ 3.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.26 แข็งค่าจากวานนี้รับเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง-ดอลล์อ่อน
- "กระทรวงคลัง" คาดรัฐบาลชุดใหม่ ต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อทำนโยบายรัฐสวัสดิการ หรือสวัสดิการคนจน ตามที่ได้หาเสียงไว้ เตรียมหารือสำนักงบฯถึงแหล่งเงินที่จะนำมาใช้
- ตลท. เตรียมเปิดให้หุ้น ที่ถูกขึ้น "เอสพี" กลับมาซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา 1 เดือน เริ่ม 1-31 ก.ค.นี้ แต่ต้องเข้าเงื่อนไขตามเกณฑ์ เตรียมเปิด รายชื่อ 20 มิ.ย.นี้ เผยวันแรกไม่มี "ซิลลิ่ง ฟลอร์" ด้าน โบรกเกอร์ มั่นใจส่งผลดี เหตุเปิดทางผู้ถือหุ้นเดิมมีโอกาสขาย เตือนฝั่งคนซื้อต้องศึกษาข้อมูลเชิงลึก พบ 25 บริษัทเข้าข่ายกลับมาเทรดได้ชั่วคราว
- กระทรวงอุตสาหกรรม จับมือ 30 ภาคีรัฐ-เอกชน-สถาบันการเงิน-สถาบันการศึกษา MOU บูรณาการขับเคลื่อน บ.อินโนสเปซ ไทยแลนด์ เพื่อร่วมพัฒนาระบบนิเวศสร้างสตาร์ทอัป ไทย ยกระดับเศรษฐกิจประเทศภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 จ่อเพิ่มทุนขั้นต่ำ 500 ล้านบาท แย้มบิ๊กธุรกิจแจ้งพร้อมลงขันแล้วเพียบ
- "พาณิชย์" เตรียมนัดโรงพยาบาลเอกชน 353 แห่ง 18 มิ.ย.นี้ ชี้แจงการปฏิบัติตามประกาศ กกร. ทั้งการแจ้งราคายา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ พร้อมเปิดแนวคิดทำ "โรงพยาบาลติดดาว" ดึงโรงพยาบาลที่คิดค่ายา ค่ารักษาราคาถูกและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเข้าร่วม เพิ่มทางเลือกผู้บริโภคเข้าไปใช้บริการ
- รฟท.เดินหน้ารถไฟความเร้วสูงไทย-จีน เร่งหาตัวผู้รับเหมาเข้ามาก่อสร้างงานโยธา รวม 5 สัญญา ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ได้ข้อสรุป พร้อมลุยเข้าพื้นที่ก่อสร้างทันที ยันไม่ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ แจงทั้งหมดผ่านการพิจารณาตามขั้นตอน รวมถึง ครม.เรียบร้อยแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท ราคาหุ้นฟื้นกลับมาอยู่ในระดับก่อนที่สหรัฐจะแบนหัวเหว่ย ขณะที่พรุ่งนี้บริษัทจัดประชุมนักวิเคราะห์ซึ่งเลื่อนมาจากการจัดปกติหลังประกาศงบ เชื่อว่าบริษัทจะได้ข้อมูลจากหัวเหว่ยมากพอที่จะตอบคำถามและเรียกความเชื่อมั่นได้ แม้ยอดขายมือถือหัวเหว่ยจะเป็น 15-18% ของรายได้ แต่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายอีกกว่า 60 แบรนด์ครอบคลุมสินค้าไอทีหลากหลาย และจัดหลังบ้านเรียบร้อย ไม่ได้แบกสต็อกหัวเหว่ยจนน่าเป็นห่วง กำไรที่ปรับลงก่อนหน้านี้เป็น 772 ลบ. +7% Y-Y สะท้อนกรณีหัวเหว่ยแล้ว ปัจจุบันมี PE เพียง 11.5x ต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปีและต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 15x
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 88 บาท หากดูจากสถิติย้อนหลังกลุ่มค้าปลีกเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนดีสุดทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง จึงเลือก CPALL เป็น Top pick ของกลุ่ม SSSG ยังเป็นบวกคาดปีนี้ +3% อีกทั้งการขยายสาขายังเป็นไปตามแผนตั้งเป้าที่ 700 สาขาต่อปี
- ORI (เอเอสแอล) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 9.80 บาท จาก 3 ปัจจัยได้แก่ 1. ผลกระทบจากมาตรการ LTV ยังจำกัดต่อผลประกอบการ 2. แม้แนวโน้ม Q2/62 จะทรงตัว แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีจะโดดเด่นอย่างมาก เป็นช่วงเวลาสะสมการลงทุน และ 3. Dividend yield ที่อยู่ในระดับสูง พร้อมราคาปัจจุบันมี Upside ที่น่าสนใจ