(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ Upside จำกัด หลังเทรด P/E สูง รอดูความคืบหน้าสงครามการค้าในการประชุม G20

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 13, 2019 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่งตัวแคบ จากที่มี Upside จำกัด หลังจากที่มีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดบ้านเราและผลักดันให้ดัชนีปรับตัวขึ้นมามากก่อนหน้านี้ จนทำให้ตลาดกลับมาเทรด P/E สูงระดับ 16 เท่าอีกครั้ง ทำให้มีโอกาสที่จะเผชิญแรง Take profit ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก และลบเล็กน้อย โดยต่างรอดูการประชุม G20 ที่จะมีขึ้นในปลายเดือนมิ.ย. โดยให้จับตาเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งปกติก่อนการประชุมจะมีสัญญาณอะไรออกมาบ้าง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเลย

พร้อมให้แนวรับ 1,650 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,680 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,004.83 จุด ลดลง 43.68 จุด (-0.17%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,792.72 จุด ลดลง 29.85 จุด (-0.38%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,879.84 จุด ลดลง 5.88 จุด (-0.20%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 88.81 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.09 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 90.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 33.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.56 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.66 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 มิ.ย.62) 1,671.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด (+0.04%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 782.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2562
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 มิ.ย.62) ปิดที่ 51.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.13 ดอลลาร์ หรือ 4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มิ.ย.62) ที่ 3.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.23/24 แนวโน้มแกว่งแคบ รอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 31.20-31.35
  • "คมนาคม" ไล่บี้ 3 หน่วยใหญ่ เร่งเบิกจ่ายงบปี 62 ตั้งเป้าเกิน 80% เผยกรมทางหลวงติดปมค่าเวนคืนมอเตอร์เวย์บางใหญ่ ลุ้น ครม.อนุมัติขยายงบอีก 8 พันล้าน หวั่นยืดไปรัฐบาลใหม่ ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ไม่ได้ ฉุดก่อสร้างล่าช้าไปด้วย
  • ททท.ไม่เกี่ยง รมต.ท่องเที่ยวฯคนใหม่ เชื่อนโยบายยังเหมือนเดิม เตรียมออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีหลัง ดันเป้ารายได้ปีนี้ 3.4 ล้านล้านบาท
  • ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) หรือ สบพน. เปิดเผยว่า พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ที่ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 กันยายนนี้ ทั้งนี้ก่อนจะเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานภายใต้ พ.ร.บ.ดังกล่าวจะต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ยื่นเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อออกพระราชกฤษฎีกายุบ สบพน. เพื่อให้สอดรับกับ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ ขณะเดียวกันจะตั้งสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นมาทำหน้าที่แทน
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยในช่วงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ศูนย์วิจัยฯ เตรียมปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลงจากปัจจุบันที่ 3.7% และส่งออกจะปรับลดลงเช่นเดียวกัน จากปัจจุบันที่คาดว่าขยายตัว 3.2% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทั้งเศรษฐกิจและการส่งออกยังชะลอตัว และมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่อง ทำให้ต้องจับตามองรัฐบาลใหม่จะเข้ามาสร้างความเชื่อมั่นลงทุนได้อย่างไร และติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเบิกจ่ายงบประมาณ และความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนด้วย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 11.70 บาท ประธาน กทพ.ยืนยันไม่มีการรื้อสัญญาการต่ออายุสัมปทานทางด่วนที่ให้ยืดไป 30 ปีแลกกับการแพ้คดีแล้วต้องจ่าย BEM มูลค่าฟ้องกว่า 1 แสนลบ. ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดก่อนส่งต่อไปกท.คมนาคมและครม.เพื่ออนุมัติ
  • GLOBAL (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 21 บาท SSSG 2QTD ปรับขึ้นต่อ 5-6% Y-Y ทำให้กำไรใน Q2/62 มีแนวโน้มโตต่อจาก Q1/62 โดยเฉพาะเป็นฤดูกาลที่ดีของธุรกิจ และด้วยอากาศร้อนกว่าปกติ เอื้อต่อการก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน แต่กำไรอาจไม่โต Y-Y เพราะฐานสูงในปีก่อน ส่วนกำไรในครึ่งปีหลังจะโตสูง Y-Y เพราะฐานต่ำในปีก่อน และปีนี้เร่งเปิดสาขา 5-6 แห่งใน H2/62 โดยยังคงคาดกำไรทั้งปี +22% Y-Y เป็น 2,465 ลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE 27.6x หรือ PEG เพียง 1.2x ขณะที่ HMPRO มี PEG 2.2x และหุ้นตัวอื่นในกลุ่มก็มี PEG กว่า 2x
  • SCB (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 151 บาท ผลกระทบจากโครงการ Tranformation เริ่มจำกัด โดยปี 62 เป็นปีสุดท้ายสำหรับการลงทุน "SCB Transformation" ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 59 ใช้เงินลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาท ส่งผลให้ Cost to Income เพิ่มขึ้นจากปกติ 42-44% เป็น 46-48% โดยคาด Cost to Income ปรับตัวดีขึ้น ตั้งแต่ 2H62 เป็นต้นไป ผลจากการปิดสาขาจำนวนมากในปีที่ผ่านมา และรายได้จากโครงการ SCB Transformation เริ่มเข้ามามากขึ้น เบื้องต้นคาด Cost to Income ที่ 46% ใกล้เคียงเป้าหมายของ SCB ที่ 45% ทั้งนี้ผลประกอบการมี Upside จากการขาย SCBLife ให้ FWD โดยปัจจุบัน SCB อยู่ระหว่างเจรจาขายหุ้น SCBLife บางส่วนให้กับ FWD ซึ่ง SCB ถือหุ้น SCBLife อยู่ที่ 99.2% และมีต้นทุนเพียง 190 บาทต่อหุ้น ขณะที่ BV ของ SCBLife อยู่ที่ 551 บาทต่อหุ้น และภายใต้สมมุติฐาน SCB ขาย SCBLife ให้ FWD จำนวน 49.1% ที่ PBV 2 เท่า คาดทำให้ SCB มีกำไรพิเศษ 7 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามไม่ได้รวมเข้าในประมาณการกำไร
  • CENTEL (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 45 บาท ราคาหุ้นลดลงมาแล้วกว่า 23% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาทำให้ Down side ที่ราคาหุ้นจะลดลงอีกเริ่มจำกัด ขณะที่ Valuation เริ่มถูกเมื่อเทียบกับกลุ่มโดยมี PE ซื้อขายที่ 23 เท่า เทียบกับ MINT 42 เท่าและ ERW 34 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ